X

หัวหน้าทีม พปชร.กาฬสินธุ์ เชื่อนโยบายพรรคผลงานลุงตู่กวาดเก้า ส.ส.ยกจังหวัด

“นิพนธ์ ศรีธเรศ” ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ เชื่อนโยบายพรรค กระแสและผลงาน “ลุงตู่”โดยเฉพาะการยุติความขัดแย้งและทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุขได้ใจประชาชน สามารถโกยคะแนนกวาดเก้าอี้ ส.ส.กาฬสินธุ์ยกจังหวัด 5 เขต พร้อมเปิดใจสาเหตุย้ายจากพรรคเพื่อไทยมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจาก “ลุงตู่”นำพาประเทศสู่ความมั่นคงสงบเรียบร้อยและก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการลงพื้นที่หาเสียงของผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ ทั้ง 5 เขตเลือกตั้ง ช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันลงคะแนน 24 มีนาคม 2562 โดยผู้สมัครจากพรรคการเมืองต่างๆยังคงเดินหน้าลงพื้นที่และเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงกันอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมชูนโยบายของพรรคตนเอง เพื่อขอคะแนนเสียงจากประชาชน

ล่าสุดที่อำเภอเขาวง จ.กาฬสินธุ์ นายนิพนธ์ ศรีธเรศ ผู้สมัคร ส.ส. กาฬสินธุ์ เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 10 ได้เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ซึ่งมีประชาชนกว่า 4,000 คน นั่งฟังปราศรัย

นายนิพนธ์ ศรีธเรศ กล่าวว่า จากนี้การพบปะพี่น้องประชาชนจะยังเพิ่มความเข้มข้นขึ้น แม้ว่าที่ผ่านมาจะพบพี่น้องประชาชนครบทุกหมู่บ้านแล้ว แต่เพื่อให้ความมั่นใจกับประชาชนในการเลือก ส.ส. ที่จะไม่ทำให้คนกาฬสินธุ์ผิดหวัง โดยเฉพาะเขตเลือกตั้งที่ 5 ที่เป็นการแบ่งเขตแบบใหม่ แต่เชื่อมั่นในการทำการเมืองมาตลอดชีวิต จะทำให้ประชาชนมีความมั่นใจได้ ทั้งนี้หากพี่น้องประชาชนเลือกพรรคพลังประชารัฐเข้ามาจัดตั้งรัฐบาล ประเทศไทยก็มีแต่ความสงบสุข การทำมาหากินจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน และนโยบายของพรรคจะทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์โดยตรง เช่นบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ช่วยเหลือค่าเกี่ยวข้าว ค่าคลอดลูก

อย่างไรก็ตาม นายนิพนธ์ ศรีธเรศ ผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สาเหตุที่ตนย้ายจากพรรคเพื่อไทยมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากเห็นว่าอดีตที่ผ่านมาไล่เรียงกันแล้วตั้งแต่ปี 2547 มีการเริ่มเดินขบวนขับไล่กัน หลังจากนั้นก็ผลัดกันชุมนุมระหว่างพี่น้องเสื้อเหลืองกับพี่น้องเสื้อแดง เกิดความเสียหายกับประเทศ กระทั่งมาจบลงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เรียกพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรคมาตกลงกัน แต่ตกลงกันไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้เข้ามายุติความขัดแย้งและให้พี่น้องเสื้อเหลืองเสื้อแดงกลับบ้าน หลังจากนั้นเป็นต้นมาประเทศไทยก็มีความมั่นคงและสงบสุขเรียบร้อย จนนำมาสู่ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวและเม็ดเงินหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศไทยเป็นอย่างมาก แตกต่างจากช่วงที่มีการประท้วงมีนักท่องเที่ยวน้อยมาก กระทั่งจนมาถึงปัจจุบันมีการเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นการคืนอำนาจและประชาธิปไตยให้กับประชาชน

นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้หลังจากประเทศมีรายได้เข้ามาทาง พล.อ.ประยุทธ์ ก็สามารถนำงบประมาณมาพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะด้านสาธารณูปโภค ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูง และสวัสดิการของรัฐต่างๆ ทั้ง บัตรประชารัฐหรือเงินค่าเกี่ยวข้าว เพื่อช่วยเหลือประชาชน ซึ่งสิ่งที่สำคัญสุดคือการทำหน้าที่ของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข ซึ่งเป็นที่ต้องการที่สุดสำหรับประเทศ

นายนิพนธ์ กล่าวว่า ส่วนกระแสการตอบรับของผู้สมัคร ส.ส.กาฬสินธุ์ ทั้ง 5 เขตเลือกตั้ง และกระแสพรรคในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์นั้น ขณะนี้ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนดีมาก ซึ่งที่ผ่านมาทุกคนได้ทุ่มเทระดมลงพื้นที่ให้ข้อเท็จจริงกับพี่น้องประชาชนทุกท้องที่ เพราะฉะนั้นเหลือเวลาอีกไม่มาก ซึ่งเราก็จะทำการบ้านให้มากขึ้น ทั้งนี้เชื่อว่าพี่น้องประชาชนทุกคนมีความต้องการเห็นความสงบสุขในบ้านเมือง และความมั่นคงทางเศรษฐกิจตามนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่นำเสนอ สำหรับพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 5 ซึ่งเป็นพื้นที่ของตนที่ลงสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐนั้น ตนมีความมั่นใจในพี่น้องประชาชน เพราะขณะนี้ได้ลงพื้นที่เข้าหาพี่น้องประชาชน 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว ซึ่งเสียงตอบรับก็ดีมาก อย่างไรก็ตามจากประสบการณ์ที่ผ่านสนามเลือกตั้งมาหลายุคหลายสมัยและจากสายตาพี่น้องประชาชนก็ตอบรับเป็นอย่างดี ประกอบกับพี่น้องประชาชนตอบรับนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ อีกทั้งยังมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ได้ทำกับบ้านกับเมืองจนทำให้ประชาชนมีความสงบสุขร่มเย็น จึงเชื่อมั่นว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้รับการเลือกตั้ง ส.ส.กาฬสินธุ์ทั้ง 5 เขต

นายนิพนธ์ กล่าวอีกกว่า สำหรับการลงพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในภาคอีสานนั้นถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้สมัครและสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งหากได้เข้าไปเป็นรัฐบาลอีกก็จะดำเนินการต่อและสามารถทำได้ตามที่เสนอนโยบายผ่านพรรคพลังประชารัฐ ส่วนแนวทางการลงพื้นที่ของผู้สมัครนั้นก็จะยังคงลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นไปการนำเสนอข้อเท็จจริงทั้งในอดีตและปัจจุบัน ตลอดจนนโยบายต่างๆเพื่อให้พี่น้องประชาชนเกิดความมั่นใจในพรรคพลังประชารัฐ

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปราศรัยของนายนิพนธ์ใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมงได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างมาก สำหรับเขตเลือกตั้งที่ 5 นั้นมีนายประเสริฐ บุญเรือง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย เป็นคู่แข่งคนสำคัญ ซึ่งการลงสนามชนกับนายนิพนธ์ ศรีธเรศ ที่ย้ายจากเพื่อไทยมา พรรคพลังประชารัฐ เสมือนเป็นศึกสายเลือด ทั้งนี้นายนิพนธ์ฯ ซึ่งมีดีกรีเป็น อดีต ส.ส. ในพื้นที่และเป็นขุนพลสู้ศึกนำทัพพลังประชารัฐลงสนามครั้งนี้อีกด้วย

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน