X

ดราม่าข้ามปี ชายพิการขาด้วนผวาหมายศาลขู่ชดใช้เงิน 1 แสน

กาฬสินธุ์ – ยังไม่ยุติ! ประเด็นดราม่าชายพิการขาด้วน หาเลี้ยงลูกเมียด้วยอาชีพสุจริต ยังถูกร้องเรียนไม่เลิกจากเพื่อนบ้านที่อ้างเป็นเจ้าใหญ่นายโต มีอิทธิพลในพื้นที่ หลังรับหมายศาลจากศาลปกครองขอนแก่น เรียกให้ปากคำเหตุบุกรุกทางหลวง ปล่อยน้ำเสีย เปิดอู่ซ่อมเสียงดังรบกวน พร้อมขู่หากไม่ไปตามนัดเท่ากับยอมรับข้อกล่าวหา

วันที่ 11 ม.ค.61 ที่สำนักงานยุติธรรม จังหวัดกาฬสินธุ์ ศาลากลางจังหวัดหลังใหม่ ชั้น 4 นายธวัชชัย ดีจันทร์ อายุ 51 ปี บ้านเลขที่ 16 หมู่ 17 บ้านดอนอุดม ต.บัวบาน อ.ยางตลาด สภาพร่างกายพิการขาด้านขวาด้วนเหนือหัวเข่า พร้อมด้วยนางธนภัทร บุญธรรม อายุ 43 ปี ภรรยา นำหนังสือที่ได้รับจากศาลปกครองขอนแก่น และเอกสารส่วนตัว เข้าร้องทุกข์และขอความเป็นธรรมกับนายณรงค์ ขำเพชร ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติ จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะหัวหน้าสำนักงานยุติธรรรม จ.กาฬสินธุ์ เพื่อขอคำปรึกษา โดยระบุว่าหลังจากที่ได้รับหนังสือดังกล่าว รู้สึกเป็นทุกข์ใจเป็นอย่างมาก ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับตั้งแต่ก่อนปีใหม่ จนต้องพึ่งยาจากโรงพยาบาลจิตเวช

นายธวัชชัยกล่าวว่า ตนได้รับหนังสือปิดผนึกจากบุรุษไปรษณีย์ ซึ่งบรรจุในซองสีน้ำตาลขนาดใหญ่ จ่าหน้าซองถึงตน เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2560 ที่ผ่านมา ระบุชื่อผู้นำฝากส่งจากสำนักงานศาลปกครอง ก็รู้สึกแปลกใจมาก เนื่องจากไม่เคยติดต่อกับศาลหรือมีคดีความกับใคร เมื่อเปิดอ่านดูเนื้อความข้างในก็แทบช็อค เพราะเห็นหัวหนังสือระบุคดีหมายเลขดำที่ 254/2559 ซึ่งเป็นคำสั่งเรียกให้เข้ามาเป็นคู่กรณีและให้ทำคำให้การ ความหนาประมาณ100 หน้า ก็ยิ่งตกใจจนเข่าอ่อนทรุด

“ช่วงเทศกาลต้อนรับปีใหม่ คนอื่น ครอบครัวอื่นได้รับของฝากของขวัญดีใจ แต่ตนกับลูกเมียกลับได้รับความทุกข์ใจจากการได้รับหมายศาล เพราะเมื่ออ่านเนื้อความแล้ว ก็จึงจะรู้ว่าเป็นเรื่องเดิมที่ถูกเพื่อนบ้านร้องเรียนเมื่อต้นปี 2560 ที่ผ่านมา โดยปรากฏชื่อผู้ฟ้องคดีชื่อดาบตำรวจอุฤทธิ์ ภูโอบ ระหว่างผู้ร้องสอดคนที่หนึ่งคือนายธวัชชัย ดีจันทร์ ผู้ร้องสอดคนที่สองคือนายกเทศมนตรีตำบลบัวบาน และผู้ร้องสอดคนที่สามคือผู้อำนวยการแขวงการทางยางตลาด”

นายธวัชชัยกล่าวอีกว่า หลังจากตรวจดูรายละเอียดเกือบทุกหน้าแล้ว พอสรุปได้ว่าผู้ฟ้องคดี ได้ไปร้องต่อศาลปกครองขอนแก่นรอบที่สอง หลังจากที่รอบแรกเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ได้ร้องเรียนศาลปกครองฯ โดยกล่าวหาตนว่าตนทำการตั้งเพิงขายกุ้งบุกรุกเขตทางหลวง ซ่อมรถจักรยานยนต์ รวมทั้งเครื่องมือการเกษตรเสียงดัง และปล่อยน้ำเสีย กระทั่งศาลปกครองฯได้ออกหนังสือให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งเทศบาลตำบลบัวบาน แขวงการทาง อุตสาหกรรม ที่ดิน ร่วมตรวจสอบเมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2560 ซึ่งทราบว่าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ชี้แจงผลการตรวจสอบกับศาลปกครองฯ จนเป็นที่เข้าใจแล้ว ว่าไม่ได้บุกรุก ทำเสียงดังและปล่อยน้ำเสียตามคำร้อง แต่จากการที่ได้รับหนังสือดังกล่าวและอ่านเนื้อความข้างใน เหมือนผู้ฟ้องไม่ยอมรับผลการตรวจสอบ จึงมีการร้องเรียนเพิ่มเติม โดยครั้งนี้ระบุให้ตน เทศบาลตำบลบัวบาน และแขวงการทาง รวม 3 รายเป็นผู้ถูกร้อง และไปให้ปากคำที่ศาลปกครองดังกล่าว

“ทั้งนี้ จากการอ่านดูหนังสือที่ได้รับจากศาลปกครองฯ ทราบว่าทั้งเทศบาลตำบลบัวบาน และแขวงการทาง ได้ไปให้ปากคำกับศาลปกครองฯแล้ว และเห็นข้อความตอนหนึ่งที่ผู้ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายจากเทศบาลฯถึง 1 แสนบาท แต่ตนซึ่งเป็นคนพิการ และเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา ชีวิตประจำวันก็ก้มหน้าซ่อมจักรยานยนต์และเครื่องมือการเกษตรเล็กๆน้อยๆ ขณะที่นางธนภัทรภรรยาก็คอยช่วยเหลือ เพราะตนพิการขาด้วน การเคลื่อนไหวและทำงานลำบาก นอกจากนี้ยังรับกุ้งก้ามกรามจากพ่อค้ามาขาย พอมีรายได้เลี้ยงลูกสาวที่กำลังเรียนหนังสือชั้น ป.6 ไม่มีความรู้หรือรู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ที่ไหน พอได้รับหมายจากศาลปกครองฯดังกล่าว ก็เป็นทุกข์ใจ หากผู้ฟ้องเรียกค่าเสียหายมากเหมือนที่ฟ้องเทศบาล จะไม่หัวใจวายตายหรือ ปีใหม่แทนที่จะมีความสุขเหมือนครอบครัวคนอื่นเขา ตัวเองกับลูกเมียก็ได้แต่เศร้าใจ ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร จึงได้ตัดสินใจมาขอความเป็นธรรม และขอคำปรึกษากับผู้อำนวยการยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ในวันนี้”

ด้านนางธนภัทร ภรรยานายธวัชชัย กล่าวว่า จากการที่ถูกเพื่อนบ้านข้าราชการบำนาญ (ตำรวจ) ร้องเรียนนายธวัชชัยไปถึงศาลปกครองฯ จริงๆแล้วไม่น่าจะเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตอะไรเลย เพื่อนบ้านคนอื่นๆที่รับทราบเรื่องราวก็เห็นใจเรา ที่อยู่ในสภาพเหมือนถูกกลั่นแกล้งรังแกคนพิการที่ตั้งใจทำมาหากิน บางครั้งทำให้รู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง เพราะต้องมานั่งคิด ปวดหัวกับข้อร้องเรียนข้อหาหนักๆ ทั้งๆที่ไม่เป็นความจริง จนถึงกับต้องเทียวไปตรวจและกินยาระงับประสาท จากโรงพยาบาลจิตเวชขอนแก่นกินทั้งสองคนผัวเมีย

“ที่ผ่านมา ก็สามารถกัดฟันสู้ทนอยู่ได้เพราะกำลังใจจากเพื่อนบ้านที่เห็นใจ และรู้ว่าเรา 3 คนพ่อแม่ลูก ไม่ได้กระทำอย่างที่มีผู้ฟ้องศาลปกครอง ทางเทศบาลตำบลบัวบาน รวมทั้งแขวงการทาง อุตสาหกรรม และที่ดิน ก็ได้มาตรวจสอบ และพิสูจน์ด้วยเครื่องตรวจวัดแล้วว่า เราไม่ได้บุกรุกหรือทำเสียงรบกวนรุนแรงขนาดต้องฟ้องร้องถึงศาลปกครอง แต่ผู้ฟ้องก็ยังไม่ยอมรับและมีการฟ้องเพิ่มเติมอีก โดยฟ้องขอค่าเสียหายจากเทศบาลเป็นเงินจำนวนมากถึง 1 แสนบาท จึงทำให้ต้องพากันคิดหนักมากว่า ขนาดเทศบาลซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐยังถูกฟ้องเรียกร้องมากขนาดนั้น แล้วครอบครัวเราที่ผู้ฟ้องตั้งแง่เป็นคู่กรณีแต่ทีเรียก จะไม่ถูกผู้ฟ้องเรียกร้องค่าเสียหายด้วยหรือ จึงรู้สึกหวาดกลัว และมาร้องทุกข์กับผู้อำนวยการยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ ว่าจะให้เราทำอย่างไร เพื่อจะได้มีโอกาสเตรียมใจรับสถานการณ์ ก่อนที่โรคเครียดของตนกับสามีจะกำเริบมากกว่านี้”

ด้านนายณรงค์ ขำเพชร ผู้อำนวยการสำนักงานคุมประพฤติ จ.กาฬสินธุ์ ในฐานะหัวหน้าสำนักงานยุติธรรม จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่าหลังได้รับเรื่องร้องทุกข์ของนายธวัชชัยฯและภรรยาแล้ว ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ลงรับเรื่องไว้ เพื่อดำเนินการช่วยเหลือ โดยในเบื้องต้นให้นิติกรลงบันทึกและเขียนคำแก้ต่างให้ตามสิทธิพึงมีพึงได้ ที่กฎหมายกำหนด

“โดยทั่วไปหากมีการฟ้องร้องไปที่ศาลปกครอง ก็จะต้องหาทนายช่วยแก้ต่างให้ แต่ในกรณีนี้ตนกับเจ้าหน้าที่ยุติธรรมจังหวัด ได้เคยลงพื้นที่ตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว เมื่อประมาณเดือนมิถุนายน 2560 ก่อนที่เจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลบัวบาน ที่ดิน แขวงการทาง และอุตสาหกรรมจะทำการตรวจสอบพิสูจน์ข้อเท็จจริง ซึ่งเรื่องนี้จริงๆแล้วไม่มีอะไรซับซ้อนเลย สามารถตรวจสอบด้วยพยานหลักฐานและเครื่องมือวัด ส่วนที่ไม่ถูกก็แก้ไขให้ถูก ก็เป็นอันยุติเรื่อง”
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการพิจารณาความช่วยเหลือ และหาทางสรุปของปัญหาความขัดแย้ง ทางยุติธรรมจังหวัดก็จะแนะนำให้ผู้ถูกฟ้องทั้งนายธวัชชัยฯ เทศบาลบัวบาน แขวงการทาง ไปดำเนินการแก้ไขตามคำร้องของผู้ฟ้อง ให้เป็นไปตามระเบียบของกฎหมาย โดยไม่ต้องจ้างทนาย

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน