X

กาฬสินธุ์ตบเท้าแจ้งความเอาผิดคนหักหัวคิวเงินมาตรา 35

ผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาจังหวัดกาฬสินธุ์ 9 ราย ตบเท้าแจ้งความพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองกาฬสินธุ์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับประธานชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาจังหวัดกาฬสินธุ์ อ้างถูกหักหัวคิวเงินค่าจ้างเลี้ยงคนพิการ มาตรา 35 หลังร้องเรียนหลายหน่วยงานนาน 2 เดือนยังเงียบเฉย หาคนมารับผิดชอบไม่ได้

จากกรณี นางฐานิดา อนุอัน อายุ 46 ปี ชาวบ้านเสริมชัยศรี อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ผู้ร้องเรียนหมายเลข 1 ในฐานะประธานเครือข่ายคนพิการ จ.กาฬสินธุ์ ร้องเรียนต่อเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการส่วนกลาง เหตุถูกประธานชมรม       ผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ หักหัวคิวเงินค่าจ้างเหมาดูแลคนพิการตามมาตรา 35 และมีผู้ปกครองคนพิการที่ได้รับสิทธิ์เดียวกันอีกหลายราย ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ถูกหักเงินรายได้รายละ 5,000-7,000 บาทต่อเดือน โดยได้รับเพียงเดือนละ 2,000 – 4,500 บาท จากรายได้จริงคนละ 9,125 บาทต่อเดือน หรือจากรายได้เต็มคนละ 109,500 บาทต่อปี กระทั่ง ป.ป.ท. ลงพื้นที่ตรวจสอบ ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

ล่าสุด วันที่ 13 ธันวาคม 2561 ที่ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ จ.กาฬสินธุ์ ตัวแทนผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ 9 ราย นำโดยนางฐานิดา อนุอัน ชาวบ้านเสริมชัยศรี อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ผู้ร้องเรียนหมายเลข 1 ในฐานะประธานเครือข่ายคนพิการ จ.กาฬสินธุ์ นางอรษา วงศา อดีตเหรัญญิก ชมรมผู้ปกครองคนพิการฯ และ น.ส.พัชรี สิริเคียนทอง อดีตนายทะเบียนชมรมผู้ปกครองคนพิการฯ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.ท.วันเฉลิม เมืองพรหม พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เพื่อขอร้องทุกข์และดำเนินคดีกับประธานชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์


นางฐานิดา อนุอัน กล่าวว่า ตามที่ตนได้ร้องเรียนต่อเครือข่ายพิทักษ์สิทธิ์คนพิการส่วนกลาง เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2561 กรณีถูกหักหัวคิวเงินค่าจ้างเหมาดูแลคนพิการ มาตรา 35 ซึ่งต่อมา นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์    สิทธิ์ฯ ได้นำเรื่องร้องเรียน ยื่นต่อหน่วยงานตรวจสอบหลายแห่ง เช่น สำนักนายกรัฐมนตรี, ป.ป.ท., ปปง.,ป.ป.ช. และ สตง. รวมทั้งเข้าพบเพื่อรายงานปัญหากับปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ขณะที่ในส่วนของผู้ปกครองคนพิการฯ ซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิ์ตามมาตรา 35 ที่ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ได้เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2561 จำนวน 3 ราย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ ได้แนะนำให้ผู้เสียหายที่เหลือ ซึ่งยังไม่ได้แจ้งความ ให้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ด้วย เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

นางฐานิดากล่าวอีกว่า หลังจากร้องเรียนผ่านมากว่า 2 เดือน ยังไม่มีความคืบหน้าว่าจะได้รับการเยียวยา หรือจะมีใครมาแสดงความรับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้น หลังจากตนกับผู้ปกครองคนพิการฯ 2 ราย กลับมาจากแจ้งความที่กองปราบแล้ว จึงได้ร่วมกับผู้ปกครองคนพิการฯ ที่ยังไม่ได้แจ้งความอีก 6 ราย รวมเป็น 9 ราย เข้าแจ้งความเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ เพื่อดำเนินคดีกับประธานชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาฯ ฐานยักยอกเงินค่าจ้างดังกล่าว โดยมีสำเนาหนังสือร้องเรียน รวมทั้งหนังสือแจ้งจากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.) กาฬสินธุ์ ที่ระบุให้ทำการแจ้งความ รวมทั้งหมดเกือบ 100 หน้า เป็นหลักฐานการแจ้งความในครั้งนี้


“สิทธิที่ผู้ปกครองคนพิการจะได้ตามมาตรา 35 เดือนละ 9,125 บาท หรือปีละ 195,000 บาท กลับถูกประธานชมรมฯหักไปเดือนละ 5,000-7,000 บาท และยังมีบางคนตลอดปีได้รับเพียง 5,000 บาท จึงถือเป็นการหักหัวคิวที่โหดร้ายมาก เนื่องจากถูกปกปิดข้อมูลและถูกยึดสมุดบัญชีเงินฝากและบัตรเอทีเอ็ม แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามา ชี้ชัดหรือเอาผิดกับประธานชมรมฯ จึงพากันเดินหน้าแจ้งความ เพื่อเรียกร้องสิทธิ์ และความถูกต้อง คืนความเป็นธรรมให้คนพิการ พร้อมทั้งอยากให้คนพิการทั่วประเทศได้เข้าถึงสิทธิ์ที่แท้จริงของตนด้วย หลังจากถูกเบียดบังสิทธิ์มานาน” นางฐานิดากล่าว

ขณะที่ ร.ต.ท.วันเฉลิม เมืองพรหม พนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการสอบปากคำผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ ที่มาแจ้งความ ทั้งหมดให้การตรงกัน ทั้งนี้ จากการประเมินข้อมูลเบื้องต้น เข้าข่ายความผิดฐานยักยอกทรัพย์ ซึ่งหลังจากรับแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน ก็จะได้ออกหมายเรียกประธานชมรมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญา จ.กาฬสินธุ์ เข้ามาสอบปากคำในลำดับต่อไป

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน