อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างรายได้หดกว่า 40% หลังเกิดการแพร่ระบาดโควิด 19 พบรายได้เหลือ 16 ล้านบาท จากที่เคยได้ 40 ล้านบาท
อ.เกาะช้าง จ.ตราด/นายโกสิทธิ นิลรัตน์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง จ.ตราด เปิดเผยว่า ในแต่ละปีอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแห่งชาติเกาะช้างจำนวนมาก โดยพื้นที่ยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวนิยมก็คือ การดำน้ำชมปะการังที่หมู่เกาะรัง ,การเข้าชมน้ำตกคลองพลู น้ำตกธารมะยม โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศในกลุ่มประเทศทางยุโรป และนักท่องเที่ยวชาวจีน หลายหมื่นคน ทำให้แต่ละปีมีรายได้สูงถึง 30-40 ล้านบาท
แต่เมื่อมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 ในปี 2563 ช่วงต้นปี และต้องปิดไป 3-4 เดือน และมาเปิดอีกครั้งในต้นเดือนกรกฎาคม 2563 ทำให้รายได้ปี 2563 ถึงเดือนสิงหาคม 2563 มีรายได้เพียง 16 ล้านบาทซึ่งคาดว่าเมื่อสิ้นปีงบประมาณ 2563 หรือสิ้นเดือนกันยายน 2563 น่าจะมีรายได้ประมาณ 20 ล้านบาท
ข่าวน่าสนใจ:
- ขาใหญ่มาแล้ว!! รับเหมารายย่อยผวาความปลอดภัยแฉขาใหญ่เรียกคุย ด้าน ธรรมาภิบาล จี้ ปปท.สอบสัญญาก่อสร้าง ประเด็นค่าปรับเป็น 0 บาท…
- จ.พัทลุง หน้าร้อนสุดคึกคักนักท่องเที่ยวล่องแก่งสายน้ำ (คลิป)
- กาญจนบุรี ฮือฮา! เกิดพระอาทิตย์ทรงกลดในพิธีวางศิลาฤกษ์สร้างเมรุวัดมงคลรัตนาราม คอหวยแห่ส่องขันน้ำมนต์ปรากฏเลขชัดเจนนำไปเสี่ยงโชคในงวดนี้
- รวบ 'รอง ผอ.' โรงเรียนดังย่านปากเกร็ด พร้อมสมุน กลุ่มชายรักชาย ค้ายา พบลูกค้าเป็น ขรก.เพียบ
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง กล่าวว่า ก่อนเกิดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด 19 นักท่องเที่ยวต่างชาติจะนิยมเดินทางมาท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างเพื่อเดินทางไปดำน้ำชมประการังในหมู่เกาะรับ และบริเวณหน้าเกาะหวายบางส่วน ซึ่งมีรายได้เข้าอุทยานฯจำนวนมาก
และอีกส่วนหนึ่งก็คือ การเข้าไปเที่ยวในพื้นที่น้ำตกคลองพลู และน้ำตกธารมะยม มีรายได้ในแต่ละปีมีสูงถึง 30 ล้านบาท แต่เมื่อนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่สามารถเดินทางมาประเทศไทยได้ รายได้จึงลดลงมาก เพราะนักท่องเที่ยวชาวไทยไม่นิยมท่องเที่ยวในการดำน้ำเท่ากับนักท่องเที่ยวต่างชาติจึงทำให้รายได้ลดลง
สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายัง อ.เกาะช้างนั้น มีมากกว่า 1.2 ล้านคน (เฉพาะเกาะช้าง)และสร้างรายได้ให้กับชาวอำเภอเกาะช้างปีละกว่า 1 หมื่นล้านบาท ส่วนทั้งจังหวัดจะมีมากถึง 1.8-2.0 ล้านคน สร้างรายได้เข้า จ.ตราด มากกว่า 2 หมื่นล้านบาท
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: