ตราด-แนะนำหนุ่มพิการโพสต์ขอเงิน อาจเป็น “ขอทานออนไลน์” หลังมีหลายหน่วยช่วยแล้ว

หน่วยงานตราด ช่วยเหลือและแนะนำหนุ่มพิการ หลังประสบปัญหาขาดเงินดูแลครอบครัว โพสต์ขอบริจาคเงินจากสังคมออนไลน์บ่อยครั้ง  จนกลายเป็น ”ขอทานออนไลน์” และอาจเข้าข่ายผิด พรบ.ควบคุมการขอทาน

อ.บ่อไร่ จ.ตราด/ที่บ้าน(เช่า)เลขที่ 222/2 หมู่ 4 ต.บ่อพลอย อ.บ่อไร่ จ.ตราดที่มีนายเอกชัย อิ่มอุระ อายุ 35 ปี อดีลูกจ้าง(ช่างเหล็ก)ของบริษัทในกรุงเทพ ซึ่งเป็นผู้พิการอัมพาตครึ่งตัว เช่าอาศัยอยู่ หลังได้รับอุบัติเหตุจากแท่งเหล็กทับท่อนขาทำให้เป็นอัมพาต เมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา ได้ให้เพื่อนบ้านโพสต์ข้อความขอความช่วยเหลือจากสังคมออนไลน์ ว่าได้รับเดือนร้อนจากการไม่สามารถทำมาหากินได้ เพราะร่างกายพิการเป็นอัมพาต และทำให้ครอบครัวเดือนร้อน ภรรยาก็ทิ้งไป ต้องได้รับการดูจากมารดา ปรากฏว่า มีผู้มีจิตกุศลส่งเงินและสิ่งของมาให้จำนวนหนึ่ง จากนั้น นายเอกชัยก็ขอให้เพื่อนคนเดียวกันโพสต์ข้อความอีกซึ่งก็มีผู้บริจาคมาให้อีก และล่าสุดมีผู้บริจาคมาให้เป็นเงินกว่า 6-7,000 บาท

จากการโพสต์ข้อความดังกล่าว นายอนันต์ ดอกไม้ นายกอบต.บ่อพลอย ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่จึงประสานงานกับสำนักงานศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ตราด เพื่อให้ความช่วยเหลือ ที่มีนางสาววรรธน์รัศมี ไตรอุโฆษ ผู้อำนวยการ ได้เดินทางไปยังบ้านดังกล่าว มีนางสาวปาริชาติ ดิษฐ์อ่วม ตัวแทนคณะกรรมการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จ.ตราด นายอนันต์ ดอกไม้ นายกอบต.บ่อพลอย พ.ต.ต.วิเชียร คำชุมพู สวป.สภ.บ่อไร่ ร่วมเดินทางไปด้วย

นางสาวปาริชาติ กล่าวกับนายเอกชัย อิ่มอุระ ว่า ได้ทราบถึงการที่นายเอกชัย อิ่มอุระ ได้ขอให้เพื่อนบ้านคนหนึ่งโพสต์ข้อความขอความช่วยเหลือจากสังคมออนไลน์หลายครั้ง โดยอ้างถึงความเดือนร้อนจากการไม่มีงานทำ และความพิการของตัวเอง ซึ่งกระทำดังกล่าวบ่อยครั้ง จะเกิดปัญหากับทางหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา ทั้ง พมจ.ตราด,ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจ.ตราด หรือ อบต.บ่อพลอย

อีกทั้งการให้เพื่อนได้โพสต์ขอความช่วยเหลือบ่อยครั้งและทราบว่า จะได้รับความช่วยเหลือทุกครั้ง จึงอยากให้มีการโพสต์บ่อย ๆ ซึ่งไม่ถูกต้อง เนื่องจากอาจจะเป็นการโพสต์ข้อความที่เป็นเท็จจะส่งผลกระทบต่อตัวเองได้ จึงขอแนะว่า ไม่ควรที่จะกระทำอีก แต่หน่วยงานทางสังคมจะเข้ามาช่วยเหลือให้ เพื่อจะไม่กระทบกับสังคมและผู้ร่วมบริจาคที่มีความรู้สึกว่าถูกหลอกลวงได้ และหากเกิดปัญหาทางคดีขึ้นจะได้รับผลกระทบในวงกว้าง

นางสาววรรธน์รัศมิ์ กล่าวว่า การเดินทางมาครั้งนี้ เพื่อมาเยี่ยมนายเอกชัย อิ่มอุระ และมามอบสิ่งของช่วยเหลือตามสิทธิที่นายเอกชัย อิ่มอุระ ได้รับในฐานะที่เป็นผู้พิการ ที่จะได้เงินช่วยเหลือเดือนละ 2,000 บาท แต่อีกส่วนหนึ่งก็มาเตือนว่าการให้เพื่อนโพสต์ข้อความขอความช่วยเหลือจากสังคมออนไลน์ในลักษณะเจาะจงตัว อาจจะเข้าข่ายความผิด พรบ.ควบคุมการขอทาน หรือ พรบ.เรี่ยไรได้

ซึ่งอาจจะเรียกว่า เป็น ”ขอทานออนไลน์” ที่ผ่านมานายเอกชัย ก็ได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งผู้รับเหมาที่เป็นอดีตนายจ้าง และจากชดเชยความเสียหายจากบริษัท 1.1 ล้านบาท ,จากกระทรวงยุติธรรมกว่า 1.03 แสนบาท มาแล้ว การมาโพสต์ขอความช่วยเหลือ จึงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมและอาจจะมีความผิดทางกฎหมายได้

นางสาววรรธน์รัศมิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนความช่วยเหลือต่อไปนั้น ได้หารือกับนายกอบต.บ่อพลอย ว่า จะหารายได้จากการที่นายเอกชัย อิ่มอุระ สามารถทำงานออนไลน์ได้ ด้วยการเปิดเฟสบุคส์ขายสินค้าของชุมชน โดยที่อบต.บ่อพลอยและหน่วยงานของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการจะเข้ามาช่วยเหลือในการหาสินค้าและสื่อมวลชนท้องถิ่นจะเข้ามาทำประชาสัมพันธ์ให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งจะทำให้เกิดรายได้ขึ้น

นายอนันต์ กล่าวว่า วันนี้เราได้ทราบปัญหาและเข้ามาแก้ปัญหาให้นายเอกชัย อิ่มอุระ เพราะการไปโพสต์ข้อความเชิงขอความช่วยเหลืออาจจะเกิดผลกระทบตามมากับตัวเองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้ข้อสรุปกับหน่วยงานพมจ.ตราดและศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจ.ตราดจะสร้างงานให้นายเอกชัย อิ่มอุระต่อไป

ด้านนายเอกชัย กล่าว่า หลังจากประสบอุบัติเหตุจากการทำงานเป็นช่างเหล็กของบริษัทรับเหมาก่อสร้างเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา ระยะแรกภรรยาก็ดูแลดี และเมื่อ 4 ปีทีทผ่านมาเงินหมดจึงต้องย้ายกลับมาอยู่บ้านกับแม่ที่อ.บ่อไร่ และไม่มีรายได้จึงได้ขอให้เพื่อโพสต์ข้อความขอความช่วยเหลือจากสังคมออนไลน์ซึ่งได้รับความช่วยเหลือมาหลายครั้งแต่ไม่ทราบว่าจะเกิดปัญหาผิดกฎหมาย จึงจะไม่ทำอีก และจะยอมรับการช่วยเหลือจากหน่วยงานที่จะสร้างเฟซบุ๊กเพื่อให้ค้าขายออนไลน์ซึ่งสามารถทำได้ และอยากขอให้สังคมช่วยสนับสนุนตนเอง และมารดาด้วย