X

พัฒนาวัสดุอ้างอิงตรวจสอบเขม่าดินปืน สำเร็จเป็นประเทศที่ 2 ของโลก

นักวิจัย สตช. พัฒนา “วัสดุอ้างอิง” ตรวจสอบเขม่าดินปืน สำเร็จเป็นประเทศที่ 2 ของโลก ต่อจากเยอรมนี หวังสร้างความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมไทย

ปัจจุบันขั้นตอนกระบวนการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านนิติวิทยาศาสตร์ ที่ต้องอาศัยการตรวจสอบที่มีความแม่นยำสูง แต่บางส่วนยังต้องอาศัยการนำเข้าเครื่องมือจากต่างประเทศ ที่มีราคาที่สูงมาก ดังนั้น การคิดค้นนวัตกรรมผ่านนักวิจัยจึงเป็นเรื่องจำเป็นและสำคัญ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการยุติธรรมให้มากขึ้น

โดย ดร.วรพจน์ โปร่งมณี ผู้ช่วยนักวิจัย สังกัดกองวิจัย สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช./ตร.) ได้เปิดเผยถึงงานวิจัยโครงการ “การพัฒนาวัสดุุอ้างอิงทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อการรองรับภูมิภาคอาเซียน” เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 โดยระบุว่างานวิจัยดังกล่าวได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ว่า โครงการวิจัยนี้เป็นส่วนหนึ่งของการตรวจวิเคราะห์เขม่าดินปืน เป็นการตรวจวิเคราะห์ทางเคมี ใช้เครื่องมือตรวจวิเคราะห์สารปริมาณน้อยหรือ ICTOES โดยเริ่มจากการเก็บตัวอย่างมาทำให้เป็นรูปแบบของสารละลาย เพื่อนำไปวิเคราะห์องค์ประกอบของธาตุสำคัญ 3 ชนิด คือ ตะกั่ว แบเรียม และพลวง หากพบครบทั้ง 3 องค์ประกอบก็สามารถวิเคราะห์ได้ว่า ผู้ต้องสงสัยที่กำลังเก็บข้อมูลมานั้นมีการใช้งานอาวุธปืนจริงหรือไม่อย่างไรบ้าง

ประกอบกับปัจจุบัน การวิเคราะห์เขม่าดินปืนมีความก้าวหน้า เนื่องจากใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด ร่วมกับเครื่องวัดการกระจายพลังงานของรังสีเอกซ์ ถือเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะการใช้วิธีตรวจด้วยเครื่อง ICTOES ตัววัตถุพยานนั้นไม่สกัดสารสังเคราะห์ขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้ไม่สามารถนำตัวอย่างมาตรวจซ้ำอีกครั้งได้ แต่วิธีการตรวจวิเคราะห์ด้วยวิธีการใหม่นี้ จะสามารถนำตัวอย่างวัตถุพยานกลับมาวิเคราะห์ซ้ำ เพื่อนำมายืนยันในชั้นศาลและเก็บข้อมูลเพิ่มเติมภายหลังได้ ซึ่งการจะตรวจได้ ต้องอาศัยการจัดทำ “วัสดุอ้างอิง” ที่มีอุปกรณ์นำเข้าจากต่างประเทศ มีราคาสูง

ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติจึงได้เริ่มต้นการพัฒนางานวิจัยเรื่องนี้ เพื่อสามารถผลิตวัสดุอ้างอิงได้ด้วยตนเอง ถือเป็นการลดค่าใช้จ่ายนำ และงบประมาณดังกล่าวไปพัฒนางานวิจัยอื่นมากขึ้น ทำให้เกิดความร่วมมือกันสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) ได้รับองค์ความรู้ที่แนะนำมาว่า ประเทศไทยสามารถใช้วิธีการสร้างวัสดุอ้างอิง ที่มีความซับซ้อนน้อยกว่าการปลูกผลึกบนชิปซิลิกอนแบบในต่างประเทศ นั่นคือวิธีการปลูกฟิล์มโลหะจากธาตุองค์ประกอบ จนเกาะกลุ่มผลึกกลายเป็นอนุภาคระดับนาโน ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือจากบริษัทนำเข้ากล้องจุลทรรศน์จากต่างประเทศในการสนับสนุนเครื่องมือและการตรวจสอบคุณภาพต่าง ๆ ได้อีกด้วย

ดร.วรพจน์ กล่าวด้วยว่า โครงการนี้ได้เริ่มต้นวิธีการวิจัยด้วยการนำแผ่นซิลิกอนเวเฟอร์ เคลือบผิวข้างหน้าด้วยโพลีเมอร์ที่มีคุณสมบัติเมื่อถูกลำแสงอิเล็กตรอนก็จะเกิดเป็นลวดลายขึ้นมา โดยกระบวนการวิเคราะห์นี้อยู่ในระดับที่เล็กมากอยู่ที่ไม่เกิน 0.5 ไมครอน และต้องอยู่ภายใต้ระบบสุญญากาศทำให้กระบวนการนี้มีความบริสุทธิ์อย่างมาก จากนั้นได้นำก๊าซเฉื่อย เช่น ก๊าซอาร์กอนหรือฮีเลียม เข้าไปเพื่อให้เกิดสภาวะไอออนเหนี่ยวนำบริเวณผิวของธาตุองค์ประกอบทั้งสาม คือ ตะกั่ว แบเรียม และพลวง จากนั้นใช้พลาสมาในการทำให้เกิดความร้อน ให้องค์ประกอบของธาตุที่มีขนาดใหญ่นั้นให้เป็นอนุภาคฝุ่นที่เล็กลง จนกลายเป็นสภาพฟิล์มที่มีความบางอย่างมาก จากนั้นขึ้นรูปแม่พิมพ์ของทั้งตะกั่ว แบเรียม และพลวงขึ้นมา แล้วมีธาตุองค์ประกอบซ้อนกันเป็นชั้น ๆ ก่อนนำไปตรวจสอบกับบริษัทเอกชนด้วยกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด ร่วมกับเครื่องวัดการกระจายพลังงานของรังสีเอกซ์ โดยผลการทดสอบถือว่าได้ผลดีมีความแม่นยำ และกลายเป็นวัสดุอ้างอิงที่ผลิตได้โดยคนไทย

ทั้งนี้ โครงการวิจัยดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย และเป็นประเทศที่ 2 ของโลกต่อจากเยอรมนีที่ได้ผลิตวัสดุอ้างอิงขึ้นมา เพื่อทำการวิเคราะห์เขม่าดินปืน โดยขั้นตอนต่อไปคือการทดสอบความเสถียรของตัวชิ้นงาน คาดว่าภายใน 1-2 ปีข้างหน้าจะได้ผลการทดสอบที่ออกมา และสามารถผลิตส่งต่อให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการสืบสวนสอบสวนด้านการกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ต่อไป

“มองว่า โครงการวิจัยนี้ถือเป็นหนึ่งในนิมิตหมายที่ดี ที่เริ่มมีองค์ความรู้ด้านนวัตกรรมสามารถนำมาใช้งานได้จริงเป็นรูปธรรม ซึ่งงานวิจัยชิ้นนี้มีแนวโน้มว่าไม่ได้ผลิตภายในประเทศเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่อาจจะส่งต่อไปยังประเทศอื่น ๆ ได้ด้วย พร้อมกันนี้ยังช่วยลดการนำเข้าวัสดุที่มีราคาสูงจากต่างประเทศ นำงบประมาณไปพัฒนาภาคส่วนอื่นได้มากขึ้น สำคัญที่สุดคือประชาชน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ยกให้ความแม่นยำและถูกต้องในกระบวนการยุติธรรมเป็นพันธกิจหลัก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน จึงทำให้เป็นหลักประกันได้ว่า องค์ความรู้ของสำนักงานที่เป็นระดับมาตรฐานสากลนี้ จะช่วยสร้างความถูกต้องและเที่ยงธรรม บนหลักการทางวิทยาศาสตร์ต่อไป” ดร.วรพจน์ กล่าวทิ้งท้าย

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

เจนพสิษฐ์ ปู่ประเสริฐ

เจนพสิษฐ์ ปู่ประเสริฐ

บรรณาธิการข่าวเว็บไซต์ "77 ข่าวเด็ด" (77kaoded.com) เป็นคนปทุมธานีโดยกำเนิด เชื่อมั่นในเสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ