“ห้วยกะโปะ” มันเป็นคำที่ตลกและแสดงถึงความบ้านนอก หลังเขา กันดาร ไม่มีอะไรที่เชิดหน้าชูตาหมู่บ้านได้เลย แม้จะมีแหล่งท่องเที่ยวอย่างเลยดั้นลานหินมหัศจรรย์ก็ดูจะไม่ชวนให้เข้ามาเยี่ยมชม … จากข้อความนี้ทำให้ที่นี่ไม่มีครู จนกระทั้งวันเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงก็มาถึง …
โรงเรียนบ้านห้วยกะโปะ ตั้งอยู่หมู่ที่ 6 ตำบลหลักด่าน อำเภอน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ เริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 7 กันยายน พุทธศักราช 2516 เป็นอาคารเรียนชั่วคราว หลังคามุงแฝก บนพื้นที่ 35 ไร่ ปัจจุบันเปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 – 3 ประถมศึกษาปีที่ 1 – มัธยมศึกษาปีที่ 3 จำนวนนักเรียนทั้งสิ้น 104 คน ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา 14 คน
การคมนาคมเดิมที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก ช่วงฤดูฝนไม่สามารถเข้าออกได้ ต้องใช้พาหนะที่เป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อหรือรถไถทางการเกษตร ฤดูแล้งก็เปลี่ยนเป็นผงฝุ่นที่ทับถมกันหนาเกือบฟุต เมื่อมีการเจ็บป่วยหรือใกล้คลอด ต้องเดินทางออกไปที่ถนนลาดยางห้วยลาด-หลักด่าน เป็นระยะ 9 กิโลเมตร มีหลายคนที่คลอดระหว่างทาง หรืออาการป่วยหนักขึ้นเมื่อถึงโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชหล่มเก่า ด้วยเส้นทางที่แสนลำบาก
ในสายตาของคนภายนอก เมื่อได้ยินชื่อคำว่า “ห้วยกะโปะ” มันเป็นคำที่ตลกและแสดงถึงความบ้านนอก หลังเขา กันดาร ไม่มีอะไรที่เชิดหน้าชูตาหมู่บ้านได้เลย แม้จะมีแหล่งท่องเที่ยวอย่างเลยดั้นลานหินมหัศจรรย์ก็ดูจะไม่ชวนให้เข้ามาเยี่ยมชม และต่อมาด้วยความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ถนนลาดยางเข้าถึงหมู่บ้าน มีพาหนะส่วนตัวของแต่ละครอบครัว ไม่มีการพึ่งพาอาศัยกันเหมือนก่อนมา การเมืองเข้ามีส่วนให้เกิดการแตกแยกในชุมชน เทคโนโลยีที่มีความเร็วยิ่งกว่าเครื่องบินjet ลูกหลานต้องอยู่กับปู่ย่าตายาย พ่อแม่ไปหางานทำในเมืองใหญ่ ความอบอุ่นที่ค่อย ๆ เลือนหายไปจากชุมชนแห่งนี้
ความเดิมโรงเรียนบ้านห้วยกะโปะ ประมาณช่วงปี 2545 พฤติกรรมนักเรียนเมื่อเห็นคนแปลกหน้าไม่ว่าจะอยู่ในหมู่บ้านหรือต่างถิ่น จะไหว้อย่างนอบน้อม พูดจามีสัมมาคารวะ มีทักษะรู้คิดรู้ปฏิบัติ การเรียนมุ่งเน้น ไทย คณิต อังกฤษ เป็นสำคัญ การศึกษาทั้งอักขระจากเบื้องบนและการปฏิบัติของนักปฏิบัติที่นอบน้อมต่ออักขระผ่านผู้นำสังกัด เร่งใส่ปุ๋ย O-NET NT ที่คาดว่าจะมีส่วนให้เด็กได้เกิดคุณภาพ ตอบสนองต่อสังคมที่ปรุงแต่งด้วยทุนนิยมยักษ์ใหญ่ ห้องเรียนถูกกั้นด้วยผนัง แสงสว่างไม่ทั่วถึง ป่าที่อยู่ใกล้ชิดอาคารเรียน ยุงลายที่ชุกชุม บางปีถึงกับมีไข้มาลาเรีย สัมมาคารวะที่ขาดหายไป สำเนียงมารยาท การปรุงแต่งคะแนนเพื่อความอยู่รอดของความเป็นวิทยฐานะ ได้ดูดกลืนจนคุณค่าของครู คุณภาพของผู้เรียน ค่อย ๆ เสื่อมหายไปตามกาลเวลา ครูส่วนใหญ่ที่ได้มาอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้มี 2 กรณี 1.บรรจุใหม่ 2. เขียนย้ายแล้วระบุโรงเรียนใดก็ได้ แต่ไม่มีกรณีที่ 3 กล้าระบุจะมาอยู่ ณ ที่กันดาร ไร้ค่าในสายตาคนภายนอก
ต่อมา เมื่อปี 2558 มีการสอบคัดเลือกบรรจุแต่งตั้งผู้อำนวยการสถานศึกษา ในตำแหน่งว่างคือ โรงเรียนบ้านกกกะบก และโรงเรียนบ้านห้วยกะโปะ ตำบลหลักด่าน อำเภอน้ำหนาว เป็นปกติคนที่สอบได้ที่ 1 ต้องเลือกโรงเรียนบ้านกกกะบก อย่างแน่นอน เพราะมีสัญญาณโทรศัพท์ สัญญาณอินเตอร์เน็ต ที่อยู่ติดถนนสายหลักน้ำหนาว-ห้วยสนามทราย ไม่ห่างจากตัวอำเภอน้ำหนาว ชุมชนเข้มแข็ง ครูมีวิทยฐานะสูง
แต่…กลับกลายเป็นว่า คนที่สอบได้ที่ 1 เลือกที่จะบรรจุที่โรงเรียนบ้านห้วยกะโปะ ทั้งที่มีสิทธิ์เลือกและทั้งที่รู้ว่ามีแต่ปัญหารอบด้าน แต่มีวิสัยทัศน์ที่ว่า นักเรียนคุณภาพ ครูคุณภาพ โรงเรียนคุณภาพ ชุมชนคุณภาพ “4Qs” มุ่งจัดการที่ชุมชนและครูเป็นอันดับแรก เพราะครูต้องอยู่ในชุมชน และชุมชนต้องคอยช่วยเหลือส่งเสริมบุตรหลาน
ผู้อำนวยการโรงเรียนเดิมเคยเป็นครูน้อยอยู่โรงเรียนแห่งนี้ตั้งแต่ 16 พฤษภาคม 2545 – 28 ธันวาคม 2552 ถือว่าเป็นครูที่อยู่นานที่สุดตั้งแต่มีการสร้างโรงเรียน จึงมีพื้นความสัมพันธ์เดิมกับชุมชน จัดกิจกรรมแบ่งพื้นที่พัฒนาโรงเรียนกลุ่มหนึ่งอยู่หน้าอาคารเรียน อีกกลุ่มพัฒนาหลังอาคารเรียน แต่กินข้าวร่วมกัน ทำอาหารร่วมกัน ความตึงเครียดค่อย ๆ เปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ประชุม จัดกีฬานักเรียนสัมพันธ์ชุมชน (เดิมที่เราเห็นคือกีฬาสีเฉพาะนักเรียน…เล่นแล้วก็จบ) แต่กีฬาสัมพันธ์ชุมชนจัดกลุ่มที่บาดหมางกันมาอยู่กลุ่มเดียวกัน จัดผู้อาวุโสปะปนอยู่ในกลุ่มเพื่อช่วยลดความขัดแย้ง ทำข้าวหลามสัมพันธ์ชุมชน จากนั้นความสัมพันธ์ชุมชนจึงดีขึ้นโดยมีโรงเรียนเป็นผู้คอยประสาน เป็นทั้งผู้ให้ชุมชน และเป็นผู้คอยรับความร่วมมือจากชุมชน
ส่วนครู เป็นที่ทราบกันว่าพื้นที่กันดาร สภาพจิตใจที่จำใจต้องทนอยู่ อยู่เพื่อฆ่าเวลา รอเวลาครบรอบที่สามารถเขียนย้ายไปโรงเรียนอื่นที่เจริญกว่าได้ นักเรียนต้องอยู่กับทีวี กับหนังสือที่ต้องหัดอ่าน ย่อ สรุป ตอบคำถาม เป็นปกติทุกวัน ครูจับกลุ่มรวมกันคุยกันบ้าง ทำอาหารทานระหว่างสอนบ้าง มาโรงเรียนสายบ้างทั้ง ๆ ที่ครูทุกคนต้องอาศัยอยู่บ้านพัก….
การทำงานเริ่มแรกจะมุ่งเน้นสนองต่อนโยบายเบื้องบน อักขระสั่งการที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของบริบทที่แตกต่าง วิ่งตามนโยบาย จนทำให้ห้วงเวลาหนึ่งได้พินิจถึงสัมมาทิฎฐิ เราปฎิบัติเพื่ออะไร สิ่งที่เราทำอยู่มันอยู่บนความจริงแท้ของการศึกษา หรือเราอยู่ใน ความจริงแท้ของวงการศึกษา เราคือข้าราชการ ข้าของแผ่นดิน ข้าของในหลวง พระองค์ท่านดูแลคนไทยทั้งโลก ทั้งประเทศ เราผู้เป็นข้ารองบาทเหตุใดจึงไม่ช่วยพระองค์ท่าน เพียงหมู่บ้านเดียวแห่งนี้ เราจะทำให้เขามีคุณภาพ มีความสุข ไม่ได้บ้างเลยหรือ??? จากความคิดที่สร้างแรงบันดาลใจ จึงเรียกประชุมครู…เราจะทำตัวไร้ค่า เพื่อรอวันย้าย…หายใจทิ้ง…แล้วกินเงินหลวง…ไปเช่นนี้หรือ ถ้าเด็กนักเรียนคือลูกหลานเรา…เราจะยอมรับสภาพของลูกหลานเมื่อจบการศึกษาออกไปได้หรือ…เราจะจากที่แห่งนี้ไปอย่างไร้ค่า ไร้ความคิดถึง คำสาปส่ง จะติดตัวเราออกไปจากที่นี้ หรือเราจะจากที่นี้ไปอย่างสง่างาม อย่างมีคุณค่า…พวกเราจะเลือกอย่างไร…เราพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงที่นี้ร่วมกันได้หรือไม่ เราคือทหารเอกของพระราชา ถ้าเราไม่หลงไปกับนโยบายต่าง ๆ ที่คอยควบคุมเรา แต่เรามีเป้าหมายคือคุณภาพของผู้เรียนทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคม สติปัญญา ทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 …เขาคงไม่ไล่เราออกจากครูหรอกมั้ง…หากเกิดอะไรขึ้น ผอ.จะขอรับผิดชอบการกระทำนี้เพียงผู้เดียว ไม่ต้องห่วง…คณะครูทุกคนจึงพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลง…แม้จะยากลำบากเราก็ต้องทน เมื่อระบบเข้าที่ เราก็จะมีความสุข มีความภาคภูมิใจ
จากนั้นคณะครูจึงช่วยกันสืบค้น แสวงหา กระบวนการ วิธีการ ที่โรงเรียนอื่น ๆ ทำสำเร็จ เพื่อจะมาปรับใช้กับโรงเรียนของตน…แต่ก่อนหน้านั้น ผอ.ได้ศึกษาข้อมูลมาไว้เป็นเบื้องต้นด้วยเหตุบังเอิญ คือ
ด้วยโลกแห่งเทคโนโลยี ทำให้ ผอ.ต้องสืบค้นใน Google ถึง โรงเรียนบ้านห้วยกะโปะ ว่าในโลก Online มีใครรู้จัก ใครกล่าวถึงด้านลบ ด้านบวก ของโรงเรียนบ้าง และทุกครั้งที่สืบค้น จะมีคำว่า โรงเรียนนอกกะลา ขึ้นมาด้วยทุกครั้งไป…ซึ่งอาจจะเป็นคำแปลจาก โรงเรียนบ้านห้วยกะโปะ เพราคำว่า กะโปะ ในภาษาถิ่น แปลว่า กะลามะพร้าว…จึงตัดสินใจคลิ๊กเข้าไปดูเว็บไซด์ โรงเรียนนอกกะลา พบว่าสิ่งที่โรงเรียนนอกกะลาได้ทำคล้ายกับที่เราในช่วงที่เคยเป็นครูได้ใช้กับเด็กนักเรียนแบบเดียวกัน…สอนไทย คณิต อังกฤษ เป็นหลัก ที่เหลือเป็นกิจกรรมบูรณาการ 5 กลุ่มสาระวิชา โดยพิจารณาตามความต้องการของเด็ก ความเหมาะสมของช่วงวัยของเด็ก ชั้นอนุบาลไม่มีกิจกรรมเสรี กิจกรรมบล็อก กิจกรรมเสริม หรือกิจกรรมอะไรต่าง ๆ เพราะตั้งแต่บรรพบุรุษเลี้ยงลูกมาก็ไม่เคยมีเล่นตามมุม หรือกิจกรรมอื่น ๆ ที่ต้องจัดเป็นอย่าง ๆ ไป ให้เขาได้เล่น ได้แสดง ได้ปฏิบัติ สอดแทรกทักษะการคิด คุณธรรมจริยธรรม ไม่มีเก้าอี้ให้เด็กนั่งสร้างความเป็นเอกเทศ เป็นสมบัติส่วนตัว นั่ง นอน เรียนได้อิสระตามธรรมชาติของสรีระเด็ก ไม่ได้ยึดหนังสือเป็นหลักในการเรียนเป็นบท ๆ แต่ที่โรงเรียนนอกกะลาต่างจากโรงเรียนบ้านห้วยกะโปะ คือ มีกิจกรรมจิตศึกษาตอนเช้าเพื่อพัฒนาปัญญาภายใน ครูทำ PLC กันทุกวัน ผู้ปกครองมีส่วนร่วมการศึกษามาก มีการเรียนเป็นส่วน ๆ 4 ส่วนในหนึ่งปีการศึกษา
เมื่อความคล้ายกันมาเจอกัน จึงนำคลิปการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนนอกกะลามาเปิดให้คณะครูได้ชม และร่วมกันแชร์ในสิ่งที่แต่ละคนได้ไปค้นหาวิธีการ กระบวนการสอนที่เราจะเปลี่ยนแปลง ทุกคนได้มีมติร่วมกันที่จะไปศึกษาดูงานของโรงเรียนนอกกะลา
ระหว่างทางที่คณะกลับจากการศึกษาดูงานที่โรงเรียนนอกกะลา หรือ โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา อำเภอลำปลายมาศ จังหวัดบุรีรัมย์ ถามคณะครู….พวกเราจะทำได้ไหม…เข้าแถวในร่ม…ไม่ใช้เสียงกริ่งระฆังเข้าแถว…ไม่มีไมค์อำมหิต…ครูและเด็กเข้าแถวร่วมกัน…ไหว้กันอย่างนอมน้อม…ใช้เวลาเข้าแถว 5 -10 นาที เท่านั้น…ไม่มีไม้เรียว…ไม่มีหนังสือ…ไม่มีข้อสอบ…ทำกิจกรรมจิตศึกษาเปิดปัญญาภายใน…เรียนไทย คณิต อังกฤษ…Body Scan…บูรณาการสอน 5 วิชา ชุมนุมต่าง ๆ กิจกรรมลูกเสือเนตรนารี….ฝึกโยคะเพื่อสอนเด็ก…ครูมีภาระงานหนักขึ้น…PLC ทุกวัน…คณะครูทุกคนตอบ…พร้อม สู้ เราเดินทางออกจากวงการศึกษาแล้ว เราต้องทำได้….
ผอ.พร้อม…คณะครูสู้…ยังไม่พอ…จึงเรียกนักเรียนทุกคนและทุกชั้นมาคุยในสิ่งที่เราจะร่วมกันเปลี่ยนแปลง…เปิดยูทูปโรงเรียนนอกกะลาให้ทุกคนได้ชม..และยินดีที่จะช่วยกันเคารพกติกานำพาการเปลี่ยนแปลง เป็นแบบอย่างให้ลูกหลานสืบต่อไป…แต่เท่านั้นก็ยังไม่พอ…ผอ.พร้อม….คณะครูสู้…นักเรียนยินดี…แต่ยังเหลือคณะกรรมการสถานศึกษา และผู้ปกครอง จึงได้ทำความเข้าใจและทุกคนให้โอกาสที่โรงเรียนจะเปลี่ยนแปลง
ความเปลี่ยนแปลงได้เริ่มต้นขึ้น ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559…เพียงแค่สองสัปดาห์แรกที่เราใช้….นักเรียนพฤติกรรมอ่อนโยนขึ้น ตักอาหารในปริมาณที่เพียงพอต่อตนเอง ไม่มีเศษอาหารเหลือทิ้ง ปัญหาทะเลาะวิวาทในโรงเรียนไม่มี นักเรียนมีความสนุกและมีความสุขที่ได้มาโรงเรียน ได้ลงมือปฏิบัติในกิจกรรมต่าง ๆ ไม่ต้องเปิดหนังสือเรียน ไม่ต้องคอยอ่าน สรุป ตอบคำถามท้ายบท…คณะครู PLC ร่วมกัน และลงความเห็นว่าเรามาถูกทางแล้ว…งานอื่นที่เข้ามาระหว่างการสอน ผอ.เป็นผู้ดำเนินการให้เพราะผู้อำนวยการคือผู้อำนวยความสะดวก ไม่ใช่
ผู้สั่งการอย่างเดียว งานประชุมต่าง ๆ เลือกเฉพาะหัวข้อที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น งานบุคคล งานงบประมาณ ฯลฯ จัดหาสื่ออุปกรณ์ที่สนองต่อกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง การเรียนการสอนจะได้มีความ Flow
ต่อมาเพื่อการสร้างพลังสมองที่เข้มแข็งให้คณะครู จึงให้ครูเข้าอบรมเชิงปฏิบัติการที่โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนาในหัวข้อที่ต้องมาใช้กับเด็ก ๆ กระทั่งปัจจุบัน
กระบวนการจิตศึกษา คือการเปิดปัญญาภายใน สร้างให้เกิดสมาธิ ด้วยคลื่นเสียงที่เบา นุ่ม กิจกรรมนี้จะเกิดเป็นวิถีในช่วง 08.30 – 08.50 น. ทุกวัน ปรับจิตใจให้เปิดสมองพร้อมที่จะเรียนรู้ในรอบวันต่อไป เมื่อมีการประชุมผู้ปกครองเกิดขึ้นจึงอยากให้ผู้ปกครองได้รู้ว่าลูกหลานตัวเองนั่งจับมือหลับตา หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเกิดสมาธิ มีความสำคัญอย่างไร และยังช่วยให้ผู้ปกครองมีสมาธิพร้อมที่จะเข้าสู่วงสนทนาอย่างมีคุณค่าและมีความหมายต่อลูกหลาน
ขอขอบคุณภาพและคลิปวีดีโอ จาก เพจเฟสบุค โรงเรียนบ้านห้วยกะโปะ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: