นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งถูก คสช.สั่งปลดออกจากตำแหน่ง โพสต์เฟซบุ๊ค ยืนยันไม่ใช่คนที่ทำให้เกิดความสับสนต่อสังคม พร้อมยกตัวอย่าง 6 เรื่องที่ตนเองคาดการณ์ได้อย่างถูกต้อง และเตรียมแฉเรื่องที่ 7 ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ถูก คสช.ปลดออกจากตำแหน่ง
นายสมชัย โพสต์เฟซบุ๊คส่วนตัว เปิดเผย 6 เรื่องที่ตนเองคาดการณ์ได้อย่างถูกต้อง คือ
1.การเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ.2557 นายสมชัยบอกกับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าหากเดินหน้าจัดการเลือกตั้งทั้งๆที่ 28 เขต ไม่สามารถรับสมัครได้ ท้ายสุด การเลือกตั้งจะเป็นโมฆะ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็มีคำวินิจฉ้ัยว่าเป็นโมฆะจริงๆ เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ
2.รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องการให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ส่วนที่เหลือ และเลือกตั้ง ส.ว.ในวันเดียวกัน คือ วันที่ 30 มี.ค.2557 แต่ กกต. ไม่เห็นด้วย ซึ่งนายสมชัยเคยให้ความเห็นว่าควรเลือก ส.ว.อย่างเดียว การเลือก ส.ว.จึงจะประสบความสำเร็จ ผลก็คือการเลือกตั้ง ส.ว.ในวันที่ 30 มี.ค. 2557 เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
3.หัวหน้า คสช.ตั้งคำถามต่อประชาชนว่า คสช. มีสิทธิสนับสนุนพรรคการเมืองหรือไม่ ซึ่งนายสมชัยให้คำตอบต่อสาธารณะว่า หาก คสช.หมายถึงตัวบุคคล ย่อมสนับสนุนพรรคใดก็ได้ แต่หาก คสช.เป็นองค์กรที่เป็นหลักในกลไกการบริหารประเทศ การสนับสนุนพรรคการเมืองอาจไม่เหมาะสม
4.ตนให้ข้อเท็จจริงว่า การเลือก กกต.จากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาไม่เป็นไปตามกฏหมาย คือ ไม่เป็นการลงคะแนนโดยเปิดเผย ซึ่งในที่สุด สนช.ก็ลงมติไม่รับรองชื่อ กกต.7 คน และที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาต้องคัดเลือกใหม่ โดยยอมแก้ไขข้อบังคับการประชุมให้เป็นการลงคะแนนโดยเปิดเผย และผู้ผ่านการคัดเลือก 2 คนเดิมยังสมัครในรอบนี้อีก สะท้อนว่า สนช.ไม่ได้ลงคะแนนไม่รับจากคุณสมบัติ แต่เป็นกังวลในเรื่องกระบวนการลงคะแนนที่ขัดกับกฎหมาย
5.ตนคาดการณ์ว่าหาก สนช.เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พรป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จะทำให้โรดแมปจะเคลื่อนออกไป 2 เดือน ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยประธาน สนช. และวิป สนช. ให้สัมภาษณ์ตรงกันว่า หากยื่น พรป.ดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญ โรดแมปจะเคลื่อน 2-3 เดือน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ รัฐบาลยืนยันว่าโรดแมปไม่เคลื่อน
6.ตนคาดการณ์ว่า หากสนช.มีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความในประเด็น พรป.ว่าด้วยที่มาของ ส.ว. โรดแมปจะเคลื่อน 0-6 เดือน คือกรณีที่ศาลมีคำวินิจฉัยเร็วและไม่แก้ไขในสาระสำคัญ สามารถเสร็จในช่วงเวลาไม่เกิน 90 วัน โรดแมปจะไม่เคลื่อน แต่หากศาลชี้ว่าประเด็นที่ขัดหรือแย้งเป็นสาระสำคัญของ พรป. จะทำให้ พรป.ดังกล่าวตกไป ต้องเริ่มกระบวนการยกร่างใหม่ ต้องใช้เวลาอีกประมาณหกเดือน ซึ่งต้องรอดูผลว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
นายสมชัยระบุว่า ทั้ง 6 เรื่องนี้ ตนคาดการณ์ได้ถูกต้องถึง 5 เรื่อง ส่วนเรื่องที่ 6 ต้องรอดูว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำตัดสินอย่างไร และในวันพรุ่งนี้ ตนจะโพสต์เฟซบุ๊คอธิบายถึงเรื่องที่ 7 ที่อาจเป็นต้นเหตุที่ คสช.หวั่นไหวจนต้องมีคำสั่งตามมาตรา 44 ให้ตนเองพ้นจากหน้าที่
