window.dataLayer = window.dataLayer || []; function gtag(){dataLayer.push(arguments);} gtag('js', new Date()); gtag('config', 'UA-109320629-1');
X

สุดสลด! คุณตาเส้นเลือดสมองแตก แต่ รพ.ในเมืองเชียงใหม่เตียงเต็ม ต้องไปไกลถึง รพ.ฝาง นอนรอข้ามวัน จนสิ้นใจ (มีคลิป)

เชียงใหม่ – ญาติข้องใจ คุณตาวัย 89 ปี เส้นเลือดสมองแตก ล้มฟุบคาบ้านในตัวเมืองเชียงใหม่ แต่ รพ.สิทธิ์บัตรทอง ไม่มีเตียงว่าง ประสาน รพ.ใกล้เคียง 5 แห่งก็เต็ม ต้องนอนรอระบบส่งไปรักษาตัวไกลถึง อ.ฝาง ระยะทาง 156 กม. ใช้เวลาเดินทางกว่า 3 ชั่วโมง สุดท้ายเสียชีวิต

วันที่ 25 พฤศจิกายน 2564 ญาติ ๆ พากันข้องใจและออกมาให้ข้อมูลผ่านสื่อ หลังจากนายสุทัศน์ บุญเป็ง อายุ 89 ปี เกิดอาการเส้นเลือดในสมองแตกและนั่งพิงกำแพงหมดสติ อยู่ภายในบ้านเลขที่ 56/1 ถนนเมืองสาตร บ้านเมืองสาตรหลวง ต.หนองหอย อ.เมืองเชียงใหม่ เวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 22 พฤศจิกายน 64 ญาติจึงปฐมพยาบาลเบื้องต้น พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่ 1669 นำส่งโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่อยู่ใกล้บ้านที่สุด

แต่คุณตาสุทัศน์ มีสิทธิ์บัตรทองรักษาอีก รพ.ที่อยู่ใกล้กัน ต่อมา รพ.ดังกล่าวแจ้งกับญาติว่าเตียงเต็ม เจ้าหน้าที่จึงประสานหาเตียงให้ ที่ รพ.จอมทอง รพ.สันป่าตอง รพ.สันกำแพง รพ.ดอยสะเก็ด และ รพ.ใน จ.ลำพูน แต่ทุก รพ.ไม่มีเตียงว่าง สุดท้ายจึงประสานไปยัง รพ.ฝาง ซึ่งระหว่างนั้น คุณตาสุทัศน์ ต้องนอนรอการประสานหาเตียง รพ.ที่สามารถเข้ารับการรักษาได้อีกประมาณ 6 ชม. ก่อนต้องขับรถจาก รพ.ต้นสังกัด ไปยัง รพ.ฝาง ระยะทาง 156 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. และไปถึง รพ.ประมาณ 03.00 น.

แพทย์ประเมินว่ามีอาการเลือดคั่งในสมองถึง 90% และนอนรักษาตัวใน รพ.ฝาง แต่สุดท้ายก็ต้องเสียชีวิต เวลา 16.45 น. ของวันรุ่งขึ้น (23 พ.ย.) ญาติ ๆ ต้องเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ ไปรับศพของคุณตาที่ รพ.ฝาง ในช่วงเช้าของวันต่อมา (24 พ.ย.) ทำให้ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ตลอดจนการแจ้งตายใน อ.ฝาง ค่าใช้จ่ายในการนำร่างคุณตากลับมาบำเพ็ญกุศล ที่บ้านในตัวเมืองเชียงใหม่ อีกกว่า 7,000 บาท

นางวรจิตร กฤตยานุกูล อายุ 61 ปี ญาติผู้เสียชีวิต เล่าว่า ภายหลังจากที่ผู้ป่วยได้รับการนำตัวส่ง รพ.ฝาง พยาบาลแจ้งว่าอาการของคนไข้ค่อนข้างวิกฤตและไม่สามารถรักษาได้ ให้นำผู้ป่วยกลับบ้านจะดีกว่า แต่รถของ รพ.ไม่มีญาติต้องหารถมารับผู้ป่วยเอง จึงติดต่อรถ รพ.ที่มาส่งก่อนหน้านี้ แต่ได้รับแจ้งว่าเดินทางออกมาไกลแล้ว อีกทั้งไม่มีนโยบายกลับไปรับผู้ป่วย นอกจากทางแพทย์จะทำเรื่องส่งกลับเท่านั้น และเป็นหน้าที่ของ รพ.ที่นำส่งแล้ว จึงแจ้งกับ รพ.ฝาง ให้ทำเรื่องแอดมิทที่ รพ. แต่ทาง รพ.แจ้งว่าสามารถรักษาได้ตามอาการเท่านั้น ทำให้ต้องนอนดูอาการผู้ป่วย อยู่ที่ รพ.นานหลายชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 03.00 น. จนกระทั่งผู้ป่วยมาเสียชีวิตในเวลาประมาณ 16.45 น. ในที่สุด

นางวรจิตร บอกอีกว่า หากผู้ป่วยได้รับการรักษาแบบทันท่วงที อาจจะมีโอกาสรอด 50/50 เนื่องจากผู้ป่วยอายุมากแล้ว ประกอบกับมีอาการเลือดออกในสมอง ทำให้อาการค่อนข้างหนัก แต่จากที่ผู้ป่วยต้องนอนรอระบบ และถูกนำส่ง รพ.ฝาง เท่ากับว่าไม่ได้รับการรักษาเลย เพียงใส่ท่อและเครื่องช่วยหายใจเท่านั้น จากผลเอ็กซเรย์พบว่ามีเลือดออกในสมองมาก ทำให้ไปทับการสั่งงานของร่างกาย ซึ่งในจุดนี้ไม่ได้ติดใจอาการของผู้ป่วย แต่ติดใจตรงที่ทำไม รพ.ต้องส่งตัวผู้ป่วยไปรักษาไกลถึงที่ อ.ฝาง

ทำให้ญาติต้องลำบากทั้งการเดินทางและเสียเวลาในการเดินทางไปรับศพ เนื่องจากญาติต่างอยู่ในพื้นที่เมืองเชียงใหม่ ถ้าผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ รพ.พื้นที่เมืองเชียงใหม่ ก็จะไม่ได้ยุ่งยากเช่นนี้ และไม่เคยเจอเหตุการณ์ที่ผู้ป่วยในตัวเมืองถูกนำส่งไปรักษานอกเมือง ส่วนตัวมองว่าอาจจะเป็นเพราะผู้ป่วยที่มีจำนวนมากในตอนนี้ อยากให้กรณีที่เกิดขึ้นนี้เป็นกรณีศึกษา หรืออุทาหรณ์ในการส่งตัวผู้ป่วยไปรับการรักษาของ รพ. เพราะไม่อยากให้เกิดขึ้นเหตุการณ์ลักษณะนี้อีก

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน