โฉมหน้าคนร้ายงัดห้องเช่าลักทรัพย์วงจรปิดบันทึกพฤติกรรมได้ แจ้งตำรวจแล้วแต่ถูกเมิน

กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพโฉมหน้าคนร้าย และพฤติกรรมที่ก่อเหตุงัดห้องเช่าเข้าไปลักทรัพย์สินภายในห้องวงจรปิดบันทึก ด้านผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว แต่ถูกเมิน

เมื่อช่วงสายของวันนี้ที่ 14 กันยายน 2562 นายทศพล อมรสิทธินนท์ อายุ 32 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งพักอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าไม่มีชื่อภายในซอยวัดพุทธภาวนาราม หรือซอยตรากบ ต.ท้ายบ้าน อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้นำภาพกล้องที่บันทึกภาพโฉมหน้าของคนร้ายที่เข้ามาก่อเหตุงัดห้องพักเข้าไปลักทรัพย์ภายในห้องของผู้เสียหายมูลค่าเกือบ 1 หมื่นบาทไป เหตุเกิดเมื่อช่วงเทียงของวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา  โดยในกล้องวงจรปิดได้บันทึกภาพพฤติกรรมของคนร้ายเป็นชายอายุประมาณ 30-35 ปี รูปร่างผอมสูงประมาณ 170 เซนติเมตร ไว้ผมสั้นคล้ายรองทรงสูง ใส่กางเกงยีนส์ขายาวสีดำ สวมเสื้อยึดคอปรกสีดำแขนสั้นและสวมทับด้วยเสื้อแจ๊คเก็ตสีน้ำตาลออกเทาแขนยาว ในรองเท้าแตะ ได้ทำที่เดินเข้ามาจากด้านหน้าอาคารห้องเช่าดังกล่าว ก่อนที่จะหันมองซ้ายมองขวาก่อนที่จะเดินย้อนกลับมาลงมือก่อเหตุใช้กรรไกรงัดตัวยล๊อกกุญแจ ที่หน้าห้องของผู้เสียหายซึ่งพักอยู่ห้องที่ 6 และเปิดประตูเข้าไปในห้องและปิดประตู ก่อนเข้าไปรื้อค้นทรัพย์สินภายในห้องของผู้เสียหายเป็นเศษเงินเหรียญ 10 บาทที่หยอดเอาไว้ในขวดน้ำขนาด 5 ลิตรจนเกือบเต็ม และกวาดเอาทรัพย์สินอื่น ๆ ใส่กระเป๋าสาพาย รวมมูลค่ากว่า 1 หมื่นบาท ก่อนที่จะทำทีเปิดประตูห้องเดินออกมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และทำที่เดินออกไปทางที่ทางออกของอาคาร แต่ก็ย้อนกลับมาใช้กรรไกงัดตัวยูล๊อกกุญแจที่หน้าห้องเช่าที่ 5 อีก แต่งัดไม่สำเร็จ จึงเปลี่ยนใจไปงัดสายยูห้องที่ 3 อีก แต่ก็ไม่สำเร็จเช่นกัน ก่อนที่คนร้ายจะตัดสินใจเดินออกไปทางด้านหน้าอาคารโดยได้นำกรรไก ที่ใช้ก่อเหตุวางเอาไว้บนกำแพงรั้วด้านหน้าห้องเช่าดังกล่าวก่อนที่จะเดินออกไป หลังผู้เสียหายกลับมาจากทำงานในช่วงเย็นและมาพบห้องถูกงัดจึงได้แจ้งนายชูชาติ ดุลยประภัสสร หรือผู้ใหญ่กบ  ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.ท้ายบ้านใหม่  เพื่อให้ประสานเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาตรวจสอบ ในวันรุ่งขึ้นที่ 12 กันยายน ผู้เสียหายจึงได้เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมือง สมุทรปราการ

ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่เข้าตรวจสอบหอพักที่เกิดเหตุ พบเป็นอาคารสูง 3 ชั้น ห้องที่เกิดเหตุอยู่บริเวณชั้นล่าง ได้พบนางสดศรี สดุดี อายุ 77 ปี ผู้ดูแลหอพักดังกล่าว และลูกสาว พาผู้สื่อข่าวชี้จุดที่คนร้ายเข้ามาก่อเหตุ บริเวณห้องเช่าของผู้เสียหายห้องที่ 6 ซึ่งถูกคนร้ายวัดจนสายยูล๊อกแม่กุญแจหลุดออกมา และจุดอื่น ๆ ที่คนร้ายพยายามก่อเหตุในวันเดียวกัน และจุดที่คนร้ายเอากรรไกรมาวางไว้บนกำแพงรั้วทางออก

นางสดศรี ผู้ดูแลห้องเช่าดังกล่าว  ได้เล่าว่า ช่วงที่คนร้ายเข้ามางัดห้อง ตนนอนหลับอยู่ พอตื่นขึ้นมาก็เอาจดหมายของผู้เสียหายที่ตนรับไว้ไปวางที่หน้าห้องผู้เสียหาย แต่พอเดินไปถึงพบเห็นประตูห้องผู้เสียหายเปิดอยู่ ตนคิดว่าผู้เสียหายคงกลับมาจากทำงานแล้ว จึงเปิดประตูเข้าไปพบว่า ข้าวของภายในห้องถูกลื้อกระจายเต็มห้อง  จึงมาเปิดกล้องวงจรปิดดูถึงได้รู้ว่ามีคนร้ายงัดห้องเข้าไปขโมยทรัพย์สิน ก่อนโทรไปแจ้งผู้เสียหายและผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 3 ให้มาที่เกิดเหตุ เพื่อประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ เพื่อหาตัวคนร้าย

ด้านนายทศพล ผู้เสียหายได้เล่าว่า  พอตนกลับไปถึงห้องพัก ก็พบว่าข้าวของถูกรื้อค้นจนกระจัดกระจาย และพบว่าเงินเหรียญที่ตนและภรรยาช่วยกันหยอดเก็บเอาไว้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเหรียญ 10 บาทได้หายไป และแหวนทองอีกวงหนึ่งซึ่งตนจำไม่ได้ว่าหนักเท่าไหร่ ร่วมทั้งกระเป๋าสะพายอีกใบหนึ่งที่หายไป รวมมูลค่าทรัพย์สินที่สูญหายกว่า 1 หมื่นบาท ก็อยากจะฝากเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยตามจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว  เพราะในวงจรปิดเห็นโฉมหน้าของผู้ก่อเหตุชัดเจน และตอนนี้เรื่องก็ยังไม่คืบน้าไปไหนเลย ซึ่งก็ได้ไปแจ้งความแล้วก็มีตำรวจติดต่อเข้ามา แต่ก็ยังไม่มาดูกล้องวงจรปิดและห้องที่เกิดเหตุแต่อย่างใด ทั้ง ๆ ที่เหตุเกิดมา 2-3 วันแล้ว