สมุทรปราการ – สองคนร้ายอุกอาจซิ่งมอเตอร์ไซด์ใช้ดาบประกบฟันคอนักเรียนมัธยม 3 ดับกลางถนน 1 ราย เพื่อนคนเจ็บอีก 3 ได้ขับขี่หนีสองคนร้าย ก่อนจะไปเกิดอุบัติเหตุชนกับรถมอเตอร์ไซด์ของคนที่ขับมาทำให้รถเกิดล้ม ก่อนจะถูกคนร้ายเข้ามาฟันซ้ำ ได้รับบาดเจ็บ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถระบุสาเหตุการก่อเหตุครั้งนี้ได้
เมื่อเวลา 22.30 น.วันที่ 15 กุมภาพัน 2561 ร.ต.อ.อำนาจ ตะเคียนราช รองสารวัตสอบสวน สภ.บางแก้ว สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีชายถูกมีดฟันเสียชีวิต ที่บริเวณปากซอยหนามแดง-บางพลี 21 (ซอยบุญประชา) ถนนหลังวัดหนามแดง หมู่ 3 ต.บางแก้ว อ.บางพลี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รองผบก. พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางแก้ว และกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน มูลนิธิปอเต๊กตึ๊ง เดินทางเข้าตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุบริเวณริมถนนได้พบศพ นายรชต หรือเบิ้ล พิลาหลวง อายุ 15 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60/561 หมู่11 ต.บางเมืองใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ ซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนเทพศิรินทร์ สมุทรปราการ นอนหงายจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่กับพื้นถนน ในสภาพใส่เสื้อชอปปักโลโก้โรงเรียนเทพศิรินทร์ สมุทรปราการ ที่อกด้านซ้าย สวมทับด้วยเสื้อคลุมมีหมวกสีดำ สวมกางเกงยีนส์ขายาว มีบาดแผลถูกฟันด้วยอาวุธมีดเข้าที่ลำคอข้างขวาจนเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ตัดหลอดลมขาด เสียชีวิตคาที่
ใกล้กันพบรถมอเตอร์ไซด์จอดอยู่จำนวน 2 คัน คันแรกยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ 110 สีดำ ทะเบียน 7 กบ 7574 กทม. จอดอยู่มีคราบเลือดของผู้ตายติดอยู่ที่รถแดงฉาน ส่วนคันที่สอง ยี่ห้อ ฮอนด้า รุ่น เวฟ 110 ทะเบียน 6 กษ 5048 กทม. นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้รับแจ้งว่ายังมีผู้บาดเจ็บอีก 3 ราย คนแรกชื่อ เด็กชาย บารมี นาคาแก้ว อายุ 14 ปี นายนพรัตน์ นามทองคำ อายุ 15 ปี ซึ่งเป็นนักเรียน ม.3 ของโรงเรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์ สมุทรปราการ เช่นเดียวกัน และนายวัธวุฒิ อิ่มรอ อายุ 25 ปี ถูกฟันด้วยอาวุธมีดฟันเข้าที่ศีรษะและแผ่นหลังได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ภัยให้ความช่วยเหลือส่งโรงพยาบาลใกล้เคียงก่อนหน้าเจ้าหน้าที่จะเดินทางไปถึง
จากการสอบสวนนายคนึง ศรสังข์ทอง อายุ 15 ปี เพื่อนผู้ตายให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนและพวกรวมผู้ 6 คน ได้พากันไปเลี้ยงฉลองงานวันเกิด ของเพื่อนเรียนที่เดียวกันและฉลองวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียน ที่หมู่บ้านเฟื่องฟ้า 11 ก่อนจะชักชวนกันเดินทางกลับบ้านโดยขับขี่รถมอเตอร์ไซด์มาด้วยกันมา 2 คัน คันละ 3 คน โดยตนอยู่คันแรก และผู้ตายนั่งซ้อนหลังสุดของจักรยานยนต์คันที่ 2 โดยมีนายวีระพัตร ท่าเข 15 ปีเป็นคนขี่ และมีนายสุรศักดิ์ ผลดี 15 ปีนั่งซ้อนมาเป็นคนที่สอง ส่วนผู้ตายนั่งซ้อนท้ายมาเป็นคนที่สาม โดยขี่มาไม่เร็วและใช้เส้นทางหลังวัดหนามแดง ก็ได้ยินผู้ตายตะโกนว่า ถูกฟัน เมื่อตนหันกลับไปดูก็เห็นคนร้ายเป็นชาย 2 คน อายุประมาณ 20-25 ปี ไม่สวมหมวกกันน็อตสวมเสื้อคล้ายสีดำ
โดยคนซ้อนท้ายสวมแว่นตา นั่งซ้อนท้ายมาในมือถือมีดดาบยาวประมาณ 80 เซนติเมตรหัวตัดขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวแซงหน้ารถของตนไปด้วยความเร็ว ตนขี่รถมาได้ไม่ไกลจากหลังวัดหนามแดงผู้ตายประคองตัวเองไม่อยู่และจะตกจากรถ ตนจึงหยุดและประคองร่างของผู้ตายลงมาวางกับพื้นถนน จึงได้เห็นว่าเพื่อนถูกฟันเข้าที่ลำคอเป็นแผลฉกรรจ์เลือดไหลออกมาจำนวนมาก จึงรีบโทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเพื่อนและกลุ่มพวกตนไม่เคยมีเรื่องกับใคร จึงไม่รู้สาเหตุที่คนร้ายก่อเหตุใช้มีดฟันคอเพื่อนของตนด้วยสาเหตุอะไร ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 3 รายนั้นตนไม่ทราบว่าเป็นใครเพราะไม่รู้จักกัน
ด้านนายนิยม ยอดพเนา 36 ปี น้าชายของผู้ตายซึ่งอยู่ในอาการตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เล่าทั้งน้ำตาว่า ผู้ตายพ่อและแม่แยกทางกัน ตนเองก็รับมาเลี้ยงดูตั้งแต่เด็กจนเข้าเรียนปัจจุบัน ที่ผ่านมาไม่เคยทราบว่าน้องมีเรื่องะเลาะวิวาทกับใครหรือไม่ เพราะผู้ตายจะเป็นคนเก็บกดไม่ค่อยบอกอะไร ทุกเช้าตนจะขี่รถพาผู้ตายมาส่งขึ้นรถสองแถวไปโรงเรียนทุกวัน ก่อนมาพบเป็นศพนั้นผู้ตาย ได้มาขออนุญาตออกมาข้างนอกกับเพื่อนโดยไม่ได้บอกว่าไปไหน ตนจึงบอกว่าให้กล้บตรงเวลาตนจึงอนุญาตให้ออกมาจนกระทั่งมาเกิดเหตุ
ด้าน พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก. กล่าวว่า เบื้องต้นจากคดีนี้พบว่า มีผู้เสียชีวิต 1 รายและได้รับรายงายว่า ยังมีผู้บาดเจ็บจากการถูกมีดฟันอีก 3 รายโดย มูลนิธิปอเต๊กตึ๊งนำส่ง รพ.สมุทรปราการ 2 รายเป็น เด็กชายอายุ 14 ปีและ 15 ปี มีบาดแผลถูกฟันเข้าที่ศีรษะ หลัง ขาและข้อเท้า ส่วนอีก 1 รายนำส่ง รพ.บางนา 5 ยังไม่ทราบว่ามีบาดแผลบริเวณใด
ตอนนี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปสอบปากคำ ทั้ง 3 รายแล้ว ว่าจะเป็นเหตุจากคนร้าย รายเดียวกันหรือไม่ และเกี่ยวข้องเป็นนักเรียนของโรงเรียนเทพศิรินทร์ด้วยหรือไม่ เพราะจากการสอบปากคำกลุ่มเพื่อนผู้ตายเบื้องต้นให้การว่า ไม่รู้จักกับผู้บาดเจ็บอีก 3 ราย ขณะนี้สั่งการให้ชุดสืบสวน ออกตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางต่างๆทั้งก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ เพื่อติดตามคนร้ายว่ามุ่งหน้าหนีไปตามทิศทางใด และยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้ว่า ที่คนร้ายลงมือก่อเหตุนั้น เกิดมาจากสาเหตุใด
