X

รอง ผบ.ตร.นำกำลังเข้ายึดไม้พยุงมูลค่ากว่า 30 ล้านในโกดังย่านบางแก้ว

รอง ผบ.ตร. นำกำลังเข้าค้นโกดังย่านบางแก้ว ตรวจยึดไม้พยุงจำนวน 9 ลัง และไม้ประดู่  น้ำหนักรวมประมาณ 15 ตัน มูลค่ากว่า 10 ล้านบาท หากส่งออกต่างประเทศได้จะมีมูลค่าเพิ่มถึง 35 ล้านบาท และสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่อยู่ภายในโกดังจำนวน 6 คน นำตัวเนิดคดีตามกฎหมายต่อไป

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 25 มกราคม.2560  พล.ต.อ.ศรีวราห์  รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.  พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล(4) นายชัยวัฒน์  ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช พ.ต.อ.วิชิต บุญชินวุฒิกุล รองผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ พ.ต.อ.พิสุทธิ์ จันทรสุวรรณ ผกก.สภ.บางแก้ว พ.อ.ประเทือง แก้วทุย รองผอ.รมน. สมุทรปราการ นายธวัชชัย นามสมุทร นายอำเภอบางพลี พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ สภ.บางแก้ว ได้ร่วมกันนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นภายในโกดังของบริษัท สานณรงค์ จำกัด เลขที่ 69/11และ 69/14 หมู่ 2  ซอยหลังวัดหนามแดง 17 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ หลังสืบทราบว่ามีการซุกซ่อนไม้หวงห้ามเพื่อเตรียมส่งออกไปขายยังต่างประเทศ

ผลการตรวจค้นพบไม้พยุงหั่นเป็นท่อนใส่ไว้ในลังไม้ขนาดใหญ่ เพื่อเตรียมส่งออกจำนวน 9 ลัง และมีไม้ประดู่อีกจำนวนหนึ่งรวมน้ำหนักไม้ทั้งหมดที่พบประมาณ 15 ตันรวมมูลค่าไม้ที่ตรวจยึดเอาไว้ที่รับซื้อมามูลค่ากว่า 10 ล้านบาท และราคาที่จะส่งไปขายยังต่างประเทศจะมีมูลค่าเพิ่มถึง 35 ล้านบาท และสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาที่อยู่ภายในโกดังรวม 6 คน ประกอบด้วยนายกิตติพร  พิมลเลิศมงคล อายุ 36 ปี  รับเป็นผู้เช่าโกดังแห่งนี้พร้อมด้วยคนงานอีก 5 คน ที่กำลังนำไม้พยุงที่ตรวจพบทั้งหมดบรรจุใส่ลังไม้ขนาดใหญ่ ประกอบกด้วย นายณรงกร  กิ่งใบสมบูรณ์ อายุ 31 ปี นายสุวิทย์  อาหยิ อายุ 21 ปี นาย สุพจน์  อาหยิ อายุ  22 ปี นายวิวัฒน์ ทวีวัฒนากาญจน์ อายุ 26 ปี นายสุทัศน์  อาหยิ อายุ 28 ปี และจากการสอบสวนขยายผลจนสามารถติดตามไปจับกุมผู้ต้องหาชาวจีนซึ่งเป็นตัวแทนของนายทุนชาวจีนได้เพิ่มอีก 2 คน ประกอบด้วย นายเชน ไจ จุน อายุ 46 ปีและ นายหง เจีย หัว  อายุ 52 ปี โดยจับกุมได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนสาทร ก่อนคุมตัวมาทำการสอบสวน

พล.ต.อ.ศรีวราห์  รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.  ได้กล่าวว่า  หลังจากได้รับทราบจากสายลับว่ามีขบวนการมอดไม้เครือข่ายนายจาง ชาวจีน มีการลักลอบนำไม้หวงห้ามประเภทไม้พยุงลำเลียงมาซุกซ่อนที่โกดัง ดังกล่าวเพื่อบรรจุเตรียมส่งออกขายยังต่างประเทศ  จึงประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเข้าเข้าตรวจค้น และได้พบไม้พยุงจำนวนมาก พร้อมด้วยไม้ประดู่ซุกซ่อนอยู่ภายในโกดังทั้ง 2 หลังจำนวนมาก  และจากการสืบสวนทราบว่า ไม้พยุงเหล่านี้มีนายทุนชาวจีน จำนวน 4 คน สั่งซื้อไม้พยุงและไม้ประดู่ โดยมีนายเท่ หรือเสี่ยเท่   เป็นผู้จัดหาไม้พยุงและไม้ประดู่มาจากจังหวัดตราด และพื้นที่ป่า ในจังหวัดต่าง ๆ ในเขตภาคตะวันออก โดยเฉพาะจังหวัดตราด และจังหวัดสระแก้ว ก่อนลำเลียงใส่รถกระบะปิดบังอำพรางมิดชิด นำมาเก็บไว้ที่โกดังแห่งนี้ โดยมีนายกิตติพร  เป็นคนมาเช่าโกดัง ทั้ง 2 โกดังแห่งนี้เอาไว้ และให้คนงานซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวไทยใหญ่ นำไม้ทั้งหมดแพคบรรจุใส่ลังไม้ขนาดใหญ่ น้ำหนักลังละ 1 ตัน และจะมีรถบรรทุกพ่วงนำตู้คอนเทรนเนอร์มารับ เพื่อส่งไปยังท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี และจะมีชิบปิ้งที่ชื่อ นาย ต๋อง มารับสินค้า เพื่อนำส่งออกตามออเดอร์ผ่านทางท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี

ซึ่งจากการตรวจสอบจากเอกสารการส่งออกที่พบได้มีการส่งออกไม้ไปยังประเทศจีนเมื่อช่วงเดือน ธันวาคม 2560  ที่ผ่านมา มีมูลค่าในไทยประมาณ 35 ล้านบาท ซึ่งพลตำรวจเอกศรีวราห์ ระบุว่า ไม่ทราบว่าผ่านการสแกนของศุลกากร ไปได้อย่างไร   แต่ทั้งนี้จะมีข้าราชการรู้เห็นหรือไม่จะต้องตรวจสอบอีกครั้ง   และในการตรวจยึดไม้พยุงในครั้งนี้ถือว่าเป็นขบวนการค้าไม้พยุงข้ามชาติรายใหญ่ได้ครบทั้งขบวนการ  หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องตรวจสอบบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมถึงบุคคลอื่นที่อาจจะช่วยสนับสนุนในการส่งออกและหาไม้ดังกล่าวต่อไป       นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ เป็นการขยายผลจากการเข้าตรวจค้นมาจาก วัดเมตตราธรรมโพธิญาน จังหวัดกาญจนบุรี และการจับกุมดาบตำรวจ 2 รายที่ อ.ด่างช้าง จังหวัดสุพรรณบุรี พร้อมไม้ประดู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งพบว่าเป็นไม้ล๊อตเดียวกัน ซึ่งทางชุดจับกุมได้เฝ้าติดตามมาหลายวันจนกระทั่งวันนี้ได้ตัดสินใจเข้าตรวจค้นกับพบไม้ผิดกฎหมายดังกล่าว และของกลางทั้งหมด ทางกรมป่าไม้จะเป็นผู้รับผิดชอบต่อไป

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาว่า  ร่วมกันมีไม้หวงห้ามไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้   ร่วมกันมีเลื่อยโซ่ยนต์ เพื่อกระทำการแปรรูป ตาม พ.ร.บ.เลื่อยโซ่ยนต์  และพยายามส่งออกของต้องห้าม ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว สมุทรปราการ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน