X

ตำรวจและฝ่ายปกครองบุกรวบตัวแทนคลินิกตั้งโต๊ะตรวจโควิดกลางตลาดนัดย่านบางพลี

ตำรวจ สภ.บางพลี ร่วมกับฝ่ายปกครองบางพลี บุกรวบตัวแทนคลินิกตั้งโต๊ะตรวจโควิดกลางตลาดนัดย่านบางพลี โดยไม่ได้รับอนุญาตจากสาธารณสุข

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 24 กรกฎาคม 2564 ร.ต.อ. ณรงค์ ศิริชัย รอง สวป.สภ.บางพลี สมุทรปราการ พร้อมด้วย นาย เรวัต หุนารัตน์ ปลัดอำเภอบางพลี นางพรพณา พัดทอง กำนันตำบลบางปลา ได้ร่วมกันเข้าตรวจสอบภายในตลาดน้ำแห่งหนึ่งในตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ หลังจากได้รับการร้องเรียนว่ามีการเปิดให้ตรวจโควิดโดยไม่ได้รับอนุญาตและมีการเรียกเก็บค่าบริการรายละ 1,000 บาท

จากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ที่แต่งกายด้วยชุด PPE คอยทำหน้าที่สวอปให้กับประชาชนจำนวนมากที่เดินทางมาติดต่อขอรับบริการตรวจหาเชื้อในครั้งนี้ โดยการใช้ชุดตรวจ Rapid Antigen Test ให้กับผู้มาขอใช้บริการ จากนั้นรอผลตรวจจาก Rapid Antigen Test โดยจะมีการตั้งโต๊ะออกเอกสารรับรองผลการตรวจ ให้กับผู้ที่มาใช้บริการ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีผู้ที่ทางผู้ประกอบการรายนี้แจ้งว่าพบเชื้อแล้วเกือบ 10 ราย เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจสอบใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ และใบอนุญาตจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งผู้ปกอบการรายนี้ ยอมรับว่าไม่มีการยื่นขอใบอนุญาตจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการแต่อย่างใด  เจ้าหน้าที่จึงสั่งให้หยุดดำเนินการทันที ขณะเดียวกันผู้ที่พบเชื้อตามผลตรวจด้วยชุด Rapid Antigen Test   เจ้าหน้าที่ได้ทำประวัติและให้กลับไปกักตัวที่บ้านพักรอเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับเพื่อติดตามมาตรวจยืนยันผลอีกครั้งในโรงพยาบาลของรัฐ พร้อมเชิญตัวผู้ประกอบการไปทำการลงบันทึกประจำวันและทำประวัติที่ สภ.บางพลี ก่อนจะส่งเรื่องให้กับทางสำนักงานสาธารณสุขดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย

ด้านตัวแทนผู้ประกอบการ ให้เหตุผลอ้างว่าสาเหตุที่ออกมารับตรวจโควิดในครั้งนี้เนื่องจากก่อนหน้านี้ประมาณหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีผู้นำชุมชนได้ติดต่อมาว่ามีประชาชนจำนวนมากต้องการตรวจโควิด แต่หาที่ตรวจไม่ได้ไม่มีโรงพยาบาลรับตรวจจึงขอให้ออกมาให้บริการประชาชน จึงออกมาให้บริการดังกล่าวมา กว่า 1 สัปดาห์แล้ว โดยจะคิดค่าบริการรายละ 1,000 บาท และมีข้อตกลงกับผู้ที่มาขอรับบริการว่าเป็นการตรวจเบื้องต้นเท่านั้น และจะออกใบรับรองผลให้แต่ไม่สามารถหาเตียงหรือสถานพยาบาลเพื่อส่งต่อการรักษาให้หากพบเชื้อ

นายเรวัต หุนารัตน์ ปลัดอำเภอบางพลี ระบุว่าการที่ผู้ประกอบการรายนี้ออกมารับตรวจโควิดในครั้งนี้ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีเอกสารระบุสถานที่พยาบาลเทคนิคทางการแพทย์แต่ไม่มีใบอนุญาตจากสำนักงานสาธารณสุข ซึ่งไม่สามารถออกมาตั้งโต๊ะรับตรวจได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล แต่หากผู้ประกอบการรับตรวจในสถานที่ที่ระบุ คือรับตรวจอยู่ในคลีนิกโดยผู้ที่มีใบประกอบวิชาชีพเทคนิคทางการแพทย์หรือผู้เกี่ยวข้องที่ทางสำนักงานสาธารณสุขอนุญาตนั้นสามมารถทำได้ ขณะเดียวกันการออกมาตรวจโควิดแบบนี้ ตามหลักข้อตกลงของกรมควบคุมโรคและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือ สถานประกอบการพยาบาลรายใดตรวจพบเชื้อโควิดในคนไข้จะต้องประสานและส่งต่อการรับตัวรักษาเพื่อหาเตียงให้กับคนไข้ทันที การออกมาในครั้งนี้พบว่าไม่เป็นไปตามข้อตกลงของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีกทั้งยังเป็นการผักดันให้คนไข้ที่อ้างว่าเจอเชื้อไปหาสถานประกอบการเองเพื่อตรวจซ้ำและทำการรักษา ซึ่งจากข้อมูลที่ได้สอบถามผู้ที่มารับบริการพบว่าส่วนใหญ่ต้องการตรวจและมีใบรับรองผลตรวจยืนยันกับทางบริษัทที่ทำงาน รวมถึงมีการนำใบรับรองผลที่ไม่ถูกต้องนี้ไปยื่นขอส่งตัวกลับไปรักษาที่โรงพยาบาลสนามที่จังหวัดบ้านเกิด

ซึ่งอยากฝากเตือนประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ขอให้ทำความเข้าใจระบบการส่งต่อการรักษาหรือการตรวจหาเชื้อโควิด ซึ่งท่านสามารถทำได้ด้วยการหาซื้อที่ตรวจเชื้อ Rapid Antigen Test ตามคลีนิคหรือร้านขายยาที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นเพื่อมาตรวจเบื้องต้น แต่จะต้องมีการตรวจยืนยันจากโรงพยาบาลของรัฐหรือเอกชนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ซึ่งผลยืนยันจะเป็นผลที่ผ่านทางห้องแลปของทางภาครัฐจึงจะออกหนังสือรับรองผลตัวจริงได้ให้กับผู้ที่ใช้บริการ ในส่วนของผู้ที่จะต้องการกลับไปรักษาตัวที่ภูมิลำเนา ตามหลักคนไข้ในกลุ่มสีเขียว ก็จะต้องทำเรื่องขออนุญาตจากสำนักงานสาธารอำเภอออกหนังสือรับรองและมีการประสานกันระหว่างโรงพยาบาลต้นทางกับปลายทางเพื่อส่งประวัติคนไข้ยืนยันเท่านั้น การใช้ใบรับรองจากคลินิกดังกล่าวไม่สามารถใช้เดินทางกลับไปรักษาต่อที่ภูมิลำเนาได้

นายรังสรรค์  วงษ์บุญหนัก หัวหน้ากลุ่มงานคุ้มครองผู้บริโภคสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ให้ข้อมูลด้านกฎหมายระบุว่าการที่ผู้ประกอบการดังกล่าวออกมาตั้งโต๊ะรับตรวจโควิดนี้โดยที่ไม่มีการขออนุญาต  เข้าข่ายมีความผิด ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ. 2541 ตามมาตรา 16 คือเปิดสถานพยาบาลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีความผิดตามมาตรา 57 ต้องระวังโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน