หนุ่มนิรนามซิ่งจักรยานยนต์หนีตำรวจแหกโค้งหน้าฟาดเสาไฟฟ้าดับ

หนุ่มนิรนามซิ่งจักรยานยนต์หนีตำรวจแหกโค้งหน้าฟาดเสาไฟฟ้าดับสยอง ที่บริเวณทางโค้งภายในซอยยั่วซ่า ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ

เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 30 พฤษภาคม 2564 พ.ต.ท.ประสิทธิ์  เมษา สารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองสมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์แหกโค้งชนเสาไฟฟ้ามีผู้เสียชีวิต ที่บริเวณทางโค้งภายในซอยเทศบาลบางปู 55 หรือ ซอยยั่วซ่า หมู่ 5 ต.ท้ายบ้านใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ เดินทางเข้าตรวจสอบ

จุดที่เกิดเหตุเป็นทางโค้ง บริเวณกลางโค้งได้พบร่างของชายไม่ทราบชื่ออายุประมาณ 30-35  ปี นอนจมกองเลือดเสียชีวิตอยู่ข้างเสาไฟฟ้าซึ่งตั้งอยู่กลางโค้งริมรั้วกำแพงโรงงานแบตเตอรี่ยัวซ่า  ในสภาพใบหน้ายุบกะโหลกแตกมันสมองออกมากองอยู่ด้านนอก ข้างตัวผู้เสียชีวิตยังมีดอีโต้เหล็กตกอยู่ 1 เล่ม ห่างไปประมาณ 10 เมตรได้พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อ ฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ล้มคว่ำอยู่ริมถนน ที่โคนเสาไฟฟ้าต้นดังกล่าวมีคราบเลือดและเศษสมองติดอยู่

โดยนายบุริศร์  ดีอินทร์ อายุ 22 ปี คนขับรถยนต์กระบะ ได้เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนขับรถออกมาจากท้ายซอยเพื่อจะไปปากซอย ขณะที่ขับมาใกล้ถึงที่เกิดเหตุได้เห็นผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าวแซงรถตนขึ้นไปด้วยความเร็วก่อนที่กระแทกกับฟุตบาทฝั่งซ้ายรถจักรยานยนต์ได้เสียหลักล้มครูดกับขอบฟุตบาทไปเป็นทางยาวก่อนที่ตัวผู้ตายจะกระเด็นหลุดจากตัวรถใบหน้าเข้าไปกระแทกเข้ากับเสาไฟฟ้าเข้าอย่างแรงจนเลือดและเศษสมองสาดกระจายติดเสาไฟฟ้าและพื้นถนน

ด้านนางสาวเกวลิน อยู่ละ อายุ 24 ปี  ที่นั่งมาในรถยนต์กระบะ ได้เล่าว่า  ก่อนเกิดเหตุได้พบเห็นผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาบริเวณหน้าห้างโตตัส มินิ ซึ่งตั้งอยู่กลางซอยดังกล่าวด้วยท่าทางที่มีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งสัญญาณให้หยุดรถเพื่อตรวจสอบ แต่ผู้ตายกลับเร่งเครื่องหลบหนีออกไปด้วยความเร็วและแซงรถยนต์กระบะที่ตนนั่งมาก่อนที่จะเสียหลักแหกโค้งใบหน้าไปกระแทกเสาไฟฟ้าเสียชีวิตดังกล่าว  ขณะที่ชาวบ้านที่ผ่านมาเห็นต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหตุที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจขี่รถจักรยานยนต์ไล่ติดตามมา จึงทำให้เกิดเหตุ แต่ก็ไม่มีใครกล้ายืนยันว่าเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้มอบร่างผู้เสียชีวิตให้มูลนิธินำส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวช และจะได้ทำการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้งเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป