พระภิกษุโรคประจำตัวกำเริบ​ เลือดพุ่งออกปากดับกลางสะพานลอยย่านสำโรง

พระภิกษุ อายุ 65 ปี เดินข้ามสะพานลอยข้ามฝั่งไปทางห้างอิม พีเรียล สำโรง ระหว่างเดินอยู่บนสะพานโรคประจำตัวเกิดกำเริบเลือดพุ่งออกปากดับกลางสะพานลอย

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 10 มกราคม 2563 ร.ต.อ.ธนาวุฒิ   ดวงจินดา  รองสารวัตรสอบสวน สภ.สำโรงเหนือสมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีพระนอนหมดสติอยู่บนสะพานลอยคนข้ามหน้าห้างสรรพสินค้าอิมพีเรียลเวิล์ด สำโรง ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยอาสามูลนิธิป่อเต๊กตึ้งเดินทางเข้าตรวจสอบ

บนสะพานลอยฝั่งหน้าห้างอิมพีเรียลเวิลด์ ได้พบร่างของพระศักดิ์ชาย กิติสาโร อายุ 56 ปี ตามหนังสือสุทธิ หรือหนังสือประจำตัวพระภิกษุสงฆ์ นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นสะพานลอยดังกล่าว เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิได้ให้การปฐมพยาบาลโดยการปั๊มหัวใจอยู่พักใหญ่แต่ไม่เป็นผล พระศักดิ์ชาย กิติสาโร ได้มรณภาพลง จากการตรวจค้นในย่ามของพระศักดิ์ชาย กิติสาโร ได้พบถุงยาซึ่งด้านหน้าถุงระบุว่า ยาสำหรับผู้ป่วยวัณโรคที่สั่งจ่ายโดยโรงพยาบาลปากช่อง นครราชสีมา และจากการตรวจสอบตามร่างกายไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด

จากการสอบถามชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง ได้ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีชาวบ้านพบเห็นพระรูปดังกล่าว เดินขึ้นมาบนสะพานลอยข้ามไปฝั่งหน้าห้าง อิม พีเรียล สำโรง ระหว่างนั้นที่เดินอยู่ ๆ พระรูปดังกล่าวได้เกิดอาการคล้ายคนหน้ามืดจึงได้หย่อนตัวนั่งพักบนสะพานลอย และในระหว่างที่นั่งพักได้มีเลือดไหลออกมาทางจมูกและปาก ก่อนที่จะฟุบลงกับพื้นสะพานลอยและหมดสติ ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ได้ช่วยโทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็ไม่ทันพระรูปดังกล่าวได้เสียชีวิตลง และจากการตรวจสอบในหนังสือสุทธิ หรือหนังสือประตำตัวพระภิกษุ ได้พบว่า พระศักดิ์ชาย กิติสาโร มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่ อ.แม่จัน จ.เชียงราย และเป็นพระลูกวัดป่าประชาธรรมนิคม ต.ด่านช้าง  อ.บัวใหญ่  จ.นครราชสีมา บวชมาตั้งแต่ เดือนมกราคม พ.ศ. 2530

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่าระหว่างที่ พระศักดิ์ชาย กิติสาโร กำลังเดินขึ้นมาบนสะพานลอย และอยู่ ๆ อาการโรคประจำตัวได้กำเริบทำให้เกิดอาการหน้ามืดและเวียนศีรษะอย่างรุนแรง จนพระศักดิ์ชาย กิติสาโร ต้องทรุดตัวนั่งลงกับพื้นและมีเลือดไหลออกมาทางปากและจมูก ก่อนที่ฟุบลงกับพื้นและเสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้มอบศพพระศักดิ์ชาย กิติสาโร ให้มูลนิธินำส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวชเพื่อชันสูตรและสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป