รอง ผบ.ตร.นำกำลังบุกทลายสองบริษัทลักลอบนำเข้าขยะอิเลคทรอนิคส์ย่านบางพลี ด้านชาวบ้านที่อยู่บริเวณโดยรอบ ปรบมือดีใจ ที่บริษัทถูกสั่งปิด เพราะจะได้ไม่ต้องทนกับกลิ่นเหม็นแสบคอทุกคืนอีกต่อไป
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 21 มิถุนายน .2561 พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วย นายสุรพล ชามาตย์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ พ.ต.อ.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ พ.อ.ยอดยศ เก็บเงิน รอง ผบ.ร.112รอง ผบ.กกล.รส.จว.สป. พ.อ.ประเทือง แก้วทุย รอง ผอ.รมน.สมุทรปราการ ได้ร่วมกันนำกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางพลี เข้าตรวจค้นภายในบริษัท ฟ๋งเหยี่ยน จำกัด เลขที่ 88/27 หมู่ 23 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ตามหมายค้นศาลจังหวัดสมุทรปราการ เลขที่158/61 หลังได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านหมู่บ้าน Gusto เทพารักษ์ ซึ่งอยู่ติดกับโรงงานแห่งนี้ ว่าได้ผลกระทบจากมลพิษทางเสียง เหม็นกลิ่นควันจากการหลอมพลาสติกและน้ำเสีย
ข่าวน่าสนใจ:
- ตำรวจซ้อมแผนรับมือบุคคลคลุ้มคลั่ง และกวาดล้างก่อนเทศการลอยกระทง จ.สระแก้ว
- ระดมจับรถซิ่ง!! เหตุวัยรุ่นห้าวปะทะกันเดือดปาระเบิดไทยประดิษฐ์ กลางเมือง เตรียมรวบ 15 วัยรุ่น ยึดรถ จยย.ท่อดัง 141 คัน จ.สระแก้ว
- งามไส้ข้ามแดน-บุกรวบนักร้องสาวชื่อดังมาเลย์,ยาบ้ากว่า 6 พันเม็ด คาห้องพักโรงแรม
- ตม.นครพนม เด้งรับนโยบาย ผบ.ตร. จับสาวลาวเร่ขายไอศกรีม แย่งอาชีพคนไทย
โดยภายในบริษัทเป็นโกดังขนาดใหญ่ 3 ห้องติดกันด้านในมีกองเศษพลาสติกทั้งแบบเม็ดและอัดแท่งวางซ้อนกันอยู่เป็นจำนวนมากบางส่วนใส่อยู่ในถุงบิ๊กแบ๊ค และเครื่องจักรเตาหลอม และพบคนงานบางส่วนนั่งแยกพลาสติกอยู่ จากการสอบถามผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้จัดการโรงงานระบุว่า วันนี้โรงงานไม่ได้เปิดทำการแต่เมื่อเจ้าหน้าที่เดินไปตรวจบริเวณเครื่องหลอมพลาสติกพบว่าเครื่องยังร้อนอยู่ จึงคาดว่าก่อนหน้านี้ได้แอบดำเนินการและปิดเครื่องได้ไม่นาน
พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า การเข้าตรวจค้นบริษัทแห่งนี้สืบเนื่องจากมีชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ติดกับโรงงานแห่งนี้ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยัง อบต.บางพลีใหญ่ ว่าได้รับปัญหาจากกลิ่นสารเคมีและเสียงดังที่เกิดจากการหลอมพลาสติกของบริษัทดังกล่าว โดยที่ผ่านมาทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดได้เข้าตรวจสอบก่อนที่จะมีคำสั่งให้ปรับปรุงเครื่องหลอมพลาสติกให้ได้คุณภาพให้แล้วเสร็จภายใน 31 พฤษภาคม ที่ผ่านมา แต่จนถึงปัจจุบันนี้ทางบริษัทยังไม่ได้ดำเนินการแก้ไขให้แล้วเสร็จ ทางอุตสาหกรรม จึงได้สั่งปิดและสั่งปรับวันละ 5,000 บาท เนื่องจากมีความผิดตาม พ.ร.บ.โรงงานฯ มาตรา55 ตามวันที่ไม่ยอมแก้ไขจนกว่าจะแก้ไขปรับปรุงให้แล้วเสร็จ
นอกจากนี้ยังพบว่ามีเครื่องจักรที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ติดตั้ง ดังนั้นวันนี้จากการเข้าตรวจสอบทังพบว่า โรงงานแห่งนี้มีความผิดเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.โรงงานอุตสาหกรรมรวมทั้งสิ้น 5 ข้อหา ประกอบด้วย ประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต / ต่อเติมโรงงานโดยไม่รับอนุญาต / ขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต / ประกอบกิจการโรงงานในระหว่างที่มีคำสั่งให้หยุดประกอบกิจการและไม่ปฏิบัติตามกฏกระทรวงกำหนดมาตรฐานและวิธีการควบคุมการปล่อยของเสีย มลพิษ หรือสิ่งใด ๆ ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งเกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน โดยจะดำเนินคดีทั้งในนามนิติบุคคลและบุคคลซึ่งเป็นเจ้าของโรงงาน รวมทั้งแจ้งข้อหา แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงานขณะเข้าตรวจสอบด้วย
นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผวจ.สมุทรปราการ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของจังหวัดเบื้องต้นจะสั่งปิดโรงงานแห่งนี้ทันที และจะทำการตรวจสอบว่ามีความผิดใดเพิ่มเติมก็จะแจ้งข้อกล่าวหา ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นหรือได้รับผลกระทบจากโรงงานที่ไม่ได้มาตรฐานที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศและน้ำเสีย สามารถแจ้งได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมของจังหวัด เพื่อให้ชุดเคลื่อนที่เร็วของจังหวัดตรวจสอบและให้มีการแก้ไขต่อไป
จากนั้นพล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.พร้อมด้วย นายสุรพล ชามาตย์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผวจ.สมุทรปราการ พร้อมคณะได้เข้าตรวจสอบที่บริษัท โอ.จี.ไอ. จำกัด เลขที่ 888/7-8 ม.21 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี เนื่องจากบริษัทดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับโรงงานขยะอิเลคทรอนิกส์ที่ตำรวจตรวจพบใน อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา พบภายในโรงงานดังกล่าวมีชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ประเภทอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ รวมทั้งแบตเตอรี่โทรศัพท์มือถือเก่าที่ลักลอบนำเข้ามาจากต่างประเทศจำนวนมากซุกซ่อนอยู่ในกล่องกระดาษและในกระสอบ
พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. กล่าวว่า จากการเข้าตรวจค้นโรงงานขยะอิเลคทรอนิกส์ที่ จ.ฉะเชิงเทรา พบว่าบริษัทแห่งนี้เป็นผู้ส่งสินค้าคือขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการนำเข้ามาไปยังโรงงานดังกล่าว ทั้งนี้บริษัทนี้เป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าวัตถุอันตรายอย่างถูกต้อง แต่จะต้องดำเนินการคัดแยกขยะเองไม่สามารถส่งต่อให้โรงงานอื่นได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นความผิด และจากการตรวจสอบทั้งเครื่องจักรที่ใช้ผลิตและจุดคัดแยกขยะนั้นไม่เพียงต่อโควตาที่แจ้งนำเข้า 45,000 ตันต่อปี ยังพบว่าบริษัทแห่งนี้ยังมีใบส่งของซึ่งเป็นสายไฟลวดทองแดงไปยังโรงงานที่ทำการหลอมอีกแห่งหนึ่งใน ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสาคาม จ.ฉะเชิงเทรา อีกด้วย นอกจากนี้ยังพบแบตเตอรี่โทรศัพท์ใช้แล้ว และ ผงเคมีCU90 ซึ่งเป็นวัตถุอันตรายที่สามารถทำให้เกิดการระเบิดได้อีกจำนวนหนึ่ง หลังจากนี้จะประสานในทางเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาตรวจสอบและนำไปเก็บรักษาไว้ก่อนแจ้งความดำเนินคดีตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ส่วนโค้วตาการนำเข้านั้น ขณะนี้บริษัทแห่งนี้ได้ถูกกรมโรงงานพักใช้ใบอนุญาตบริษัทนำเข้าซากอิเล็กทรอนิกส์ เรียบร้อยแล้ว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: