X

คนขับกระบะพันธุ์โหด เข้าพบพนักงานสอบสวน อ้างทำไปเพราะโมโหเข้าไปขนของไม่ได้

จากกรณีคลิปกระบะพันธ์ุโหดขับพุ่งชนรถยนต์เก๋งที่จอดอยู่ภายในซอยจนพังยับ ล่าสุดคนขับกระบะพันธุ์โหด ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้ว อ้างทำไปเพราะโมโหเข้าไปขนของไม่ได้ในบ้านเพื่อนไม่ได้

จากกรณีที่มีคลิปรถยนต์กระบะขับพุ่งเข้าชนรถยนต์เก๋งที่จอดอยู่ภายในซอยตัน ภายในหมู่บ้านนครทองซิตี้ ซอย 1 ตำบลแพรกษาใหม่ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ โดยพฤติกรรมของคนขับรถยนต์กระบะคล้ายกับตั้งใจพุ่งชน เนื่องจากชนครั้งแรกแล้วยังถอยหลังรถก่อนที่จะพุ่งชนซ้ำเป็นครั้งที่ 2 จนท้ายรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีดำ ทะเบียน กท 9882 สุรินทร์ คันดังกล่าวพังยับเยินและไถลไปชนกับท้ายรถยนต์กระบะยี่ห้อ เซฟ สีดำ ทะเบียน 1 กษ 8065 กรุงเทพมหานคร ที่จอดอยู่ด้านหน้า ก่อนที่รถยนต์กระบะจะถอยหลังรถและขับหลบหนีไปทางปากซอยหน้าหมู่บ้าน ซึ่งกล้องวงจรปิดจับภาพเหตุการณ์เอาไว้ได้ โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.ของวันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 2 ธันวาคม 2562 นายวิชิต  พิลาศรี อายุ 48 ปี เจ้าของรถเก๋ง และนายปรัชญา  วงโอษฐ์ อายุ 40 ปี สองเจ้าของรถยนต์เก๋งและรถยนต์กระบะ ที่ถูกกระบะพันธุ์โหดพุ่งชนในหมู่บ้านนครทองซิตี้ ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ได้เดินทางเข้าให้ปากคำกับ พ.ต.ท.สมัย  เจริญราช พนักงานสอบสวน สภ.บางปู สมุทรปราการ เจ้าของคดี

นายปรัชญา   ได้เล่าว่า  ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จอดยาว ๆ ซึ่งปกติก็เคยจอดแต่จอดพักเดียวและก็ขยับออกมาแต่ก็ไม่เคยปัญหาอะไร แต่ก็มีอยู่ครั้งหนึ่งนานหลายเดือนแล้วเพื่อน ๆ มาสังสรรค์ที่บ้านไปจอดเขาก็มาเรียกให้ไปขยับ ตนก็ไปดูและก็บอกว่าพี่ก็เขาได้นี้ครับ และตรงนี้ก็ที่สาธารณะทุกคนก็จอดได้เพราะที่หน้าบ้านของตนมันเต็ม เขาก็บอกว่าไม่ได้ยังไงก็ต้องขับออกก็เลยมีการโต้ถียงกันแต่ก็ไม่มีการลงไม้ลงมือกัน มีแต่ปะทะอารมณ์กันเฉย ๆ หลังจากนั้นก็เว้นไปนานก็ไม่เคยไปจอดอีก จนกระทั่งในครั้งนี้มีงานงานกีฬาเพื่อมาแต่งตัวแต่งหน้าที่บ้านก็เลยเอารถเข้าไปจอด

ขณะเดียวกันด้านนายวรรณลภ  ปิ่นมอญ อายุ 42 ปี เจ้าของบ้านที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเรื่อง และนายภัสกร เพชรชำลิ อายุ 40 ปี คนขับรถกระบะพันธุ์โหดที่พุ่งชน ได้เดินทางพบพนักงานสอบสวนเช่นกันตามหมายเรียกของเจ้าพนักงาน ทางพนักงานสอบสวนได้แยกสอบที่ละชุด โดยให้ทางฝ่ายผู้ก่อเหตุเข้ามานั่งรอให้ห้องเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนก่อนเพื่อรอการสอบปากคำ

โดยนายภัสกร คนขับรถกระบะพันธุ์โหด ได้เล่าว่า วันที่เกิดเหตุตนขับรถมาเพื่อที่จะมาขนของที่บ้านของนายวรรณลภ  ต้นไม้ก็ยกไม่ได้เพราะรถเก๋งจอดขวางอยู่จะเอารถเข้าบ้านเพื่อยกโซฟาในบ้านก็ไม่ได้อีกก็เลยรอไปตามก็แล้วก็ไม่อยู่ก็คิดว่าเขาจอดทิ้งเอาไว้ และก็รู้มาว่าเคยมีปัญหากันอยู่กันมาบ้างแล้ว หลายครั้งแล้วในเรื่องจอดรถแบบนี้ ตนก็เลยโมโหเพราะตนรีบกลับไหนจะต้องขนของลงที่ร้านอีก ก็เลยทนไม่ไหว อารมณ์โมโห ตนยอมรับว่าตัดสินใจทำเอง และตนก็โมโหแทนพี่เขา และเราก็รอนานแล้วด้วยบวกกับเคยมีปัญหากับพี่เขามาก่อน  และตนก็ตามเจ้าของรถคันดังกล่าวมาสองครั้งแล้วข้างบ้านเขาก็บอกว่าเขาไปข้างนอกกัน ตนก็เลยคิดว่าอย่างนี้ก็เป็นการจงใจ และวันนั้นตนก็ไม่รู้ว่ารถเข้าล็อกหรือเปล่าเพราะตนไม่อยากเอามือไปแตะต้องรถเขา พอนานเขามันก็มีอารมณ์ และรถกระบะตนก็ตั้งใจเอามาขนของ เพราะว่าก่อนหน้านั้นก็มีการทยอยขนกันไปบางแล้วเพราะตนทำร้านใหม่ด้วย ก็ตามที่เล่าให้ฟังเพราะรอนานเกินไป ถามว่าทำไมถึงชนถึงสองครั้งก็เพราะอารมณ์โมโห ตนยอมรับว่าโมโหบวกกับว่าเคยมีเรื่องมีราวกันหลายครั้งแล้วเขาเองก็น่าจะเข้าใจกันบ้าง ส่วนที่ตนผิดตนก็ต้องขอโทษจริง ๆ เพราะตนโมโหมากไปหน่อยก็เลยเผลอตัว ซึ่งตนก็คิดว่าว่าเขาน่าจะตั้งใจที่จะจอดรถทิ้งไว้เพราะเขาไม่อยู่บ้าน ตนเขาใจว่าทุกคนก็ธุระ เขาก็ไปธุระของเขา แต่ตนก็มีธุระเหมือนกันต้องย้ายของแล้วต้องรีบกลับ ซึ่งตนยืนยันว่าเราพยายามจะขนของแต่เราเคลื่อนย้ายของไม่ได้เพราะรถเขาขวางอยู่

ด้านนายวรรณลภ เจ้าของบ้านที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นต้นเรื่อง ได้กล่าว ตนยืนยันว่าเขามาแค่ขนของของจริง ๆ คือก่อนหน้านี้ได้มีการขนต้นไม้ออกไปบางส่วนแล้วและเหลือพวกโซฟาที่จะไปอยู่อีกทีหนึ่งให้เท่านั้นเอง แต่ว่าวันนั้นไม่สามารถเข้าไปขนของได้ เพราะว่าของมันชิ้นใหญ่ต้องถอยรถเข้าไปแล้วยกขึ้น แล้วของก็มีเยอะบวกกับมีต้นไม้ด้วย และต้นไม้เราก็ไม่สามารถเอาได้นะตอนนั้นเพราะติดรถที่จอดอยู่ไปตามเขาหลายครั้ง สำหรับตนแล้วไม่มีเจตตนาอะไรตรงนั้นเลย ตนต้องการมาขนของอย่างเดียว แต่ก็มีการเล่าให้น้องฟังบ้างและให้เพื่อนฟังบ้างว่าทำไมเขาไม่เข้าใจเราเลย

ด้าน พ.ต.ท.สมัย  เจริญราช สารวัตรสอบสวนเจ้าของคดี กล่าวว่า ในเบื้องต้นวันนี้ได้เรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายเข้าสอบปากคำเพิ่มเติม แต่ต้องสอบที่ละชุด จึงให้ทางผู้เสียหายเข้าสอบปากคำก่อน ส่วนตัวผู้ก่อเหตุและผู้ที่ถูกกล่าวหา จะเรียกสอบต่อจากที่สอบผู้เสียหายเสร็จแล้ว ซึ่งการกระทำดังกล่าวจากภาพที่กล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้ เข้าข่ายร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ และสอบปากคำทั้งสองฝ่ายเรียบร้อยแล้วก็จะส่งตัวผู้ก่อเหตุและผู้ถูกกล่าวหาไปฟ้องศาลเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน