X

เมื่อ “สร้างอนาคตไทย” ดัน “สมคิด” ชิงนายกฯ สู้ “ลุงตู่”

เมื่อพรรคสร้างอนาคตไทยของ “อุตตม-สนธิรัตน์” ดัน “สมคิด” ชิงนายกฯ สู้ “ลุงตู่” พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ล่าสุดเริ่มฟอร์มทีมภาคอีสานแล้ว ชวนจับตาต่อจากนี้ให้ดี พรรคนี้จะเดินไปในทิศทางไหน

ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และไม่มีอะไรใหม่ ที่สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ผู้ร่วมก่อนตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย ออกมาบอกว่า “เล็งทาบทามสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคสร้างอนาคตไทย”

 

แฟ้มภาพ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์

 

ไม่ใช่เรื่องใหม่ และเรื่องแปลก เพราะทุกคนที่ติดตามการเมืองก็รู้ว่า พรรคนี้มีสมคิดร่วมคิดร่วมสร้างมาตั้งแต่ต้น แม้จะเคยเป็นกลุ่ม 4 กุมาร แต่รู้กันว่า สมคิดเป็นคนชี้นำอยู่เบื้องหลังมาตั้งแต่ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐแล้ว

สิ่งที่สังคมการเมืองอยากรู้ คือ ใครจะเป็นหัวหน้าพรรค ใครจะเป็นเลขาธิการพรรค และหัวหน้าพรรคจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ และลำดับเท่าไหร่มากกว่า

เข้าใจได้ว่า พรรคสร้างอนาคตไทย จะต้องสร้างจุดขาย และในสถานการณ์นี้จะต้องขายแนวทางในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างยิ่ง ตกต่ำอย่าง “สนธิรัตน์” ก็รู้ และรู้ว่าตกต่ำกว่าปี 2540 อีก เพราะปี 2540 เป็นภาวะเศรษฐกิจที่กระทบเฉพาะกลุ่ม แต่ครั้งครานี้ไวรัสโควิด-19 สร้างผลกระทบทั้งกระดาน ไม่เว้นคนจนคนรวย

พรรคสร้างอนาคตไทย จึงต้องชูแนวทางแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการชู “สมคิด” มือเศรษฐกิจมาตั้งแต่สมัยรัฐบาล “ทักษิณ” จนถึงรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และเคยอหังการถึงขั้นประกาศหน้าโพเดียม “คนจนต้องหมดจากประเทศ”

 

แต่จากวันนั้นจนถึงวันนี้ คนจนกลับแผ่กระจายไปทั่วประเทศ เพียงแต่มีคนรวยกระจุกอยู่ในบางกลุ่มที่ยังดันตัวเลขจีดีพี ของไทยให้ยังอยู่ในระดับไม่เสียหายนัก

พรรคสร้างอนาคตไทย ก็เลยชูมือเศรษฐกิจอย่าง “สมคิด” เป็นจุดขาย เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และอย่างที่บอกว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ คงจำกันได้ว่า เมื่อมีปัญหาความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐรอบแยก กลุ่มการเมืองในพลังประชารัฐที่มีอำนาจอยู่ในพรรคในปัจจุบันออกแรงไล่กลุ่ม “สมคิด” หรือ “กลุ่ม 4 กุมาร” ออกจากพรรค

กลุ่ม 4 กุมาร อันประกอบด้วย “อุตตม สาวนายน สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ สุวิทย์ เมษินนทรีย์ และกอบศักดิ์ ภูตระกูล” โดยมีสมคิด อยู่เบื้องหลัง และกุมแนวคิดมาตั้งแต่ตั้งสมาคมสัมมนาชีพ ที่สมคิดตั้งไว้แล้วและช่วงก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย สัมมนาชีพก็เป็นสถานที่สุมหัวคิดของกลุ่มการเมืองกลุ่มนี้ และก่อร่างสร้างตัวมาเป็น “กลุ่มอนาคตไทย” และกลายร่างมาเป็นพรรคสร้างอนาคตไทย

Teaser ชุดแรกที่ออกมานำเสนอ มีการถ่ายทำกันที่ร้านอาหารหรูริมเจ้าพระยา พยายามนำเสนอให้เห็นว่า กองทัพนี้มี “อุตตม-สนธิรัตน์” เป็นคนคุมทัพ แต่มันมีขวดน้ำ แก้วน้ำวางอยู่บนโต๊ะกับภาพการนั่งคุยกันอย่างมีความสุข-หัวเราะ จนลืมไปว่า แก้วน้ำ ขวดน้ำ 3 ชุด มันน่าจะมี “สมคิด” อยู่ในวงด้วย

แต่การตัดต่อกลับเอาภาพสมคิดออกไป แต่ลืมนึกไปว่า มันมีแก้วน้ำ ขวดน้ำอยู่ 3 ชุด

บางคนที่ติดตามการเคลื่อนไหวของกลุ่ม 4 กุมาร อาจจะตั้งคำถามว่า แล้วอีก 2 กุมารหายไปไหน หรือว่า แตกกันแล้ว ข้อเท็จจริงก็คือไม่ได้แตกกัน เพียงแต่สองกุมาร กลับไปทำงานที่ชอบแล้ว คนหนึ่งกลับไปเป็นอาจารย์ คนหนึ่งกลับไปทำงานแบงก์ แต่ยังสื่อสารกันอย่างมิตร โดยมีสมคิดเป็นกาวตราช้างอยู่

 

ภาพ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ

 

แต่การขับเคลื่อนสร้างเครือข่ายเพื่อขยายฐานของพรรคสร้างอนาคตไทย ยังไม่มีอะไรแปลกใหม่ อย่างสายใต้ ไปดึง “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์สายภาคใต้ ที่อกหักจากสนามพัทลุง มาเป็นหัวหอกคุมภาคใต้ให้กับพรรคสร้างอนาคตไทย ถ้าพูดกันตรงไปตรงมานิพิฏฐ์ไม่ใช่แม่เหล็กที่จะดูดนักการเมืองเกรด A หรือ B ให้เข้ามาร่วมกิจกรรมทางการเมืองกับพรรคสร้างอนาคตไทยได้ เชื่อว่านักการเมืองเกรด A เกรด B ถูกพรรคใหญ่อย่างประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ ภูมิใจ ดูดไปหมดแล้ว และยังมีพรรคประชาชาติ ใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ดึงไปบ้างแล้ว และยังมีพรรคกล้า พรรคก้าวไกล เดินนำหน้าไปก่อนแล้ว

 

แฟ้มภาพ นายสุพล ฟองงาม

 

เช่นเดียวกับภาคอีสาน ที่ “สุพล ฟองงาม” อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคพลังประชารัฐ จะเป็นแม่ทัพใหญ่คุมทีมภาคอีสานก็ยังมองไม่ออกว่าจะเดินไปคว้าชัยในภาคอีสานได้กี่มากน้อยเพราะสุพลไม่ถือว่าเป็นนักการเมืองระดับนำของภาคอีสาน อย่างเมื่อวันที่ 23 มกราคม ที่ห้องประชุมโรงแรมพักพิงอิงโขง อ.เมือง จ.นครพนม “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” หนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เดินสายไปสร้างเครือข่าย พร้อมสุพล ฟองงาม

มีเครือข่ายกลุ่มสร้างอนาคตไทยภาคอีสานกว่า 100 คนเข้าร่วม แต่ไล่เช็คชื่อแล้วถือว่าไม่เท่าไหร่ เช่น ชัยมงคล ไชยรบ อดีตนายก อบจ.สกลนคร, วิริยะ ทองผา อดีตรองนายกฯ อบจ.มุกดาหาร, เชิดศักดิ์ โภคกุลกานนท์ อดีตรองประธานสภา อบจ.อุบลราชธานี รวมถึงแกนนำกลุ่มการเมืองเข้าร่วม

ต้องยอมรับความจริงว่า เวลานี้พรรคเพื่อไทยเขายังคงครองฐานเสียอีสานไว้อย่างเหนียวแน่น แม้แต่การเลือกตั้ง ปี 2562 พรรคเพื่อไทยก็ยังได้รับเลือกตั้งเข้ามาจำนวนมาก แม้จะมีพรรคพลังประชารัฐ ภูมิใจไทย แซมเข้ามาบ้าง แต่ยังถือว่า “พรรคเพื่อไทย” ยังเป็นเจ้าถิ่นครองในภาคอีสาน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่พรรคการเมืองต่าง ๆ จ้องเข้าไปโจมตี ที่สำคัญอิสานมีจำนวน ส.ส. มากถึง 130 กว่าที่นั่ง ทุกพรรคจึงขอเข้าไปร่วมแจม คงจำกันได้ “พ่อใหญ่จิ๋ว” พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ก็กรีฑาทัพลุยอิสานเช่นกัน หรือแม้ช่วงตั้งพรรคไทยรักไทย ทักษิณก็ลุยอีสานเช่นกัน

มองไปยังแม่ทัพอีสานของสร้างอนาคตไทย ที่มีชื่อสุพล ฟองงาม ปรากฏอยู่ ทำให้เพื่อไทย สบายใจขึ้นเยอะ เพราะสุพลเองก็ยังไม่กล้าตั้งเป้าว่าเลือกตั้งครั้งแรก ภาคอีสานจะได้เท่าไหร่

 

แฟ้มภาพ นายวัชระ กรรณิการ์

 

ยิ่งมีชื่อ “วัชระ กรรณิการ์” ร่วมเดินสายพบบ้านใหญ่ในแต่ละภาค เพื่อขอความช่วยเหลือ ช่วยแกะ แคะ คนดี เด่น ดัง มาร่วมทีม ยิ่งมองไม่ออกว่า บ้านใหญ่จะส่งใครมาให้ แน่นอนว่า บ้านใหญ่คงไม่ปฏิเสธหรอก รับปากช่วยหมด แต่อย่าลืมว่า บ้านใหญ่มีสังกัดแล้วทั้งนั้น บ้านใหญ่ก็จะส่งคนเกรด C เกรด D มาให้ เพื่อไม่ให้เสียน้ำใจ แต่ส่งมาแล้วต้องแพ้ตัวจริงของบ้านใหญ่ที่มีสังกัดอยู่แล้ว และวัชระไม่ใช่คนมากบารมี ที่จะเข้าพบบ้านใหญ่แล้วเขาจะเกรงใจ และยินดีด้วยแบบเต็มร้อย

 

ในเวลายังไม่เห็นตัวว่า ใครจะมาคุมทีม กทม. รวมถึงภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ก็ยังรอด้วยหวังว่า พรรคการเมืองใหม่พรรคนี้ จะช่วย “สร้างอนาคตไทย” ได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่วาดภาพให้สวยงามหน้าโพเดียม” เท่านั้น

มันหมดเวลาสร้างวาทกรรม หรือคิดวลีเด็ดแล้ว

 

#มากกว่าข่าว
#นายหัวไทร

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน