ภาคเอกชนระนอง เตรียมเสนอโครงการขุดลอกร่องน้ำระยะทาง 28 กิโลเมตร งบประมาณ 496 ล้านบาท เพื่อเพิ่มศักยภาพท่าเรือระนอง การค้าชายแดน และส่งเสริมการท่องเที่ยว
ระนอง-นายสมเกียรติ ศรีษะเนตร ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พร้อมด้วยนายปิยพงศ์ ชูวงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง นายพรศักดิ์ แก้วถาวร ประธานหอการค้าจังหวัดระนอง นำคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ หรือ กรอ. กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน รวม 6 จังหวัด ประกอบด้วย กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต สตูล และระนอง ศึกษาดูงานการพัฒนาศักยภาพทางเศรษฐกิจ การค้าชายแดนจังหวัดระนอง ที่ท่าเรือกิจไพศาล บริเวณปากแม่น้ำกระบุรี ต.ปากน้ำ อ.เมืองระนอง จ.ระนอง ในโอกาสที่จังหวัดระนองเป็นเจ้าภาพจัดประชุม กรอ.กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ระหว่างวันที่ 21-22 เมษายน 2565
นายพรศักดิ์ แก้วถาวร ประธานหอการค้าจังหวัดระนอง กล่าวว่า แม้ว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาจะประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่การค้าชายแดนด้านจังหวัดระนอง ในปี 2564 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 30,000 ล้านบาท ดังนั้นในการประชุม กรอ.กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ในวันที่ 22 เมษายน 2565
ทางหอการค้าจังหวัดระนอง เตรียมที่จะเสนอโครงการต่อที่ประชุมเพื่อให้ กรอ.ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบเพื่อเสนอของบประมาณจากสำนักงบประมาณ เพื่อรองรับการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้หรือ SEC เพิ่มศักยภาพท่าเรือระนอง การค้าชายแดน และส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดระนอง ซึ่งเป็นคนละส่วนกันกับโครงการแลนด์บริดจ์ของรัฐบาล จำนวน 2 โครงการ
คือ 1.โครงการขุดลอกร่องท่าเทียบเรืออเนกประสงค์ระนอง อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 งบประมาณ 496 ล้านบาท ดำเนินการโดยกรมเจ้าท่า โดยจะมีการขุดลอกร่องน้ำตั้งแต่ท่าเรือระนอง ถึงเกาะช้าง ระยะทางประมาณ 28 กิโลเมตร ความกว้างก้นร่องน้ำ 120 เมตร ลึก 12 เมตร ที่ระดับน้ำลงต่ำสุด ซึ่งกรมเจ้าท่าได้ศึกษาความเหมาะสมเรียบร้อยแล้ว หากโครงการดำเนินการแล้วเสร็จจะช่วยเพิ่มศักยภาพด้านการพัฒนาเศรษฐกิจให้จังหวัดระนองมากขึ้น อีกทั้งเรือสำราญขนาดใหญ่ สามารถเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือระนองได้ด้วย 2. โครงการศึกษาความเหมาะสมจัดตั้งเขตประกอบการอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากการประมงและอุตสาหกรรมอื่นๆ จังหวัดระนอง พื้นที่ 415 ไร่ ที่บ้านสามแหลม ต.ปากน้ำ
ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดสรรงบประมาณ 13 ล้านบาทในการศึกษาความเหมาะสมแล้ว แต่ติดปัญหาพื้นที่อยู่ในเขตป่าไม้ทั้งป่าบกและป่าชายเลน ซึ่งภาคเอกชนต้องผลักดันการขอใช้พื้นที่ต่อไป เพื่อให้นักลงทุนกล้าตัดสินใจมาลงทุนที่จังหวัดระนอง โดยเฉพาะโรงงานแปรรูปอาหารทะเลกระป๋อง ทั้งที่ปัจจุบันจังหวัดระนองเป็นแหล่งนำเข้าสัตว์น้ำทะเลจากประเทศเพื่อนบ้านปีละนับหมื่นล้านบาท แต่มีการแปรรูปในพื้นที่เพียง 20 % เท่านั้น ส่วนที่เหลือส่งวัตถุดิบไปแปรรูปที่จังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดอื่น ๆ
นอกจากนี้การท่าเรือแห่งประเทศไทยกำลังมีการปรับปรุงท่าเรือระนองในระยะที่ 1 มีการปรับปรุงท่าเรือที่ 1 รองรับเรือสินค้าทั่วไปขนาด 500 ตันกรอส พร้อมกัน 2 ลำ และปรับปรุงท่าเรือที่ 2 เพื่อรองรับเรือตู้สินค้าขนาด12,000 DWT พร้อมทั้งมีการก่อสร้างลานวางตู้สินค้า 320,258 TEUsต่อปี ส่วนระยะที่ 2 จะมีการก่อสร้างท่าเทียบเรือที่ 3 รองรับเรือตู้สินค้า 12,000 DWT รวมทั้งก่อสร้างลานวางตู้สินค้าส่วนต่อขยาย เพื่อให้สามารถรองรับตู้สินค้าได้ 499,226 TEUsต่อปี หากทั้งสองโครงการดังกล่าวข้างต้นสามารถดำเนินการได้ก็จะสอดรับกับโครงการพัฒนาท่าเรือระนอง ซึ่งส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดระนอง./
