X

มหาบัณฑิตเศรษฐศาสตร์สาว ทำไร่ปลูกกล้วยหอมส่งออก

อุตรดิตถ์-สาวเมืองพิชัย จบป.โทเศรษฐศาสตร์เมืองนอกกลับบ้านเกิดผันตัวเองเป็นเกษตรกรปลูกกล้วยหอมเขียว”คาเวนดิช”ริมน้ำน่านส่งออกเมืองจีน พร้อมวางเครือข่ายสร้างงานในชุมชนเพื่อเปลี่ยนทัศนคติการทำเกษตรยุคใหม่

ที่บริเวณเลาะริมฝั่งแม่น้ำน่าน บ้านท่ามะเฟือง หมู่ 2 ต.ท่ามะเฟือง อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ที่ปัจจุบันได้ถูกแปรสภาพเป็นสวนกล้วยหอมเขียว”คาเวนดิช”บนเนื้อที่20 ไร่และกำลังให้ผลผลิต บรรดาคนงานนำบันไดเหล็กมาตั้งเพื่อทำการห่อเครือกล้วยป้องกันแมลงรบกวน และหลังจากนี้อีก 50 วัน กล้วยหอมที่ไร่ที่ปลูกมา6เดือน ที่เกิดจากการทุ่มเทของ”รัตนภรณ์ ศรีจิตรเพชร”อายุ27 ปี มหาบัณฑิตจากเมืองจีน ก็พร้อมเก็บเกี่ยวส่งขายที่ประเทศจีนที่ถูกสั่งจองล่วงหน้าทั้งหมดแล้ว

รัตนภรณ์ เล่าว่า ตลอดระยะเวลา 8 ปี ที่เรียนระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ด้านเศรษฐศาสตร์ ที่ม.ยูนนานนอร์มอล นครคุนหมิง ประเทศจีน ได้เฝ้าติดตามและสังเกตความต้องการในชีวิตประจำวันของคนจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดของโลกมาตลอด โดยเฉพาะอุตรดิตถ์บ้านเกิดมีผลไม้ที่ขึ้นชื่อหลายอย่าง แต่เมื่อพบสินค้าส่งออกไปเมืองจีนกลับเป็นสินค้าจากจังหวัดอื่นจึงพยามยามศึกษาช่องทาง โดยเฉพาะมาตรฐานสินค้าส่งออก และตั้งใจผลผลิตสินค้าของอุตรดิตถ์ส่งตรงพ่อค้าจีน

“เรียนจบกลับบ้าน ปรึกษาครอบครัว อยากเป็นเกษตรกรปลูกกล้วยหอมเขียวส่งออกไปจีน แต่แทบทุกคนก็ยังมองว่าเรายังเด็กมือใหม่ ไม่มีประสบการณ์ และไม่ได้เรียนมาทางนี้โดยตรง คำพูดต่างๆกลายเป็นแรงผลักดันในเรามีมานะในการศึกษาข้อมูล รายละเอียด ปรึกษานักวิชาการใกล้ตัว  ไม่มีประสบการณ์ มือใหม่ คำพูดต่างๆจึงกลายเป็นแรงผลักดัน หลังศึกษาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต และพ่อแม่ ซึ่งเป็นนักวิชาการใกล้ตัวจึงได้ข้อสรุปว่ากล้วยหอมเขียวคาเวนดิชเป็นพืชที่มีอนาคต และหลังจากนั้นก็เริ่มลงมือทำและครอบครัวที่มีพื้นฐานการเกษตรอยู่แล้วก็เป็นกำลังใจอย่างดี”

รัตนภรณ์ บอกว่าที่เธอตัดสินใจปลูกกล้วยหอมเขียวคาเวนดิชเพื่อการส่งออก เนื่องจากมีลู่ทางการตลาดที่เมืองจีนรับซื้อไม่อั้น และด้วยธรรมชาติของกล้วยเป็นพืชที่ปลูก ดูแลง่าย ให้ผลผลิตทุกต้น เพียงแต่ต้องปรับให้เป็นกล้วยส่งออก จากการศึกษา กล้วยหอมเขียว เนื้อจะมีโพรงอากาศ ทานแล้วละลายในปาก และสามารถแปรรูปได้หลากหลาย

ที่ดิน 20 ไร่ ริมฝั่งแม่น้ำน่านจึงถูกปรับเป็นแปลงปลูกกล้วยหอมเขียวเมื่อเดือนเม.ย.2560 มีการวางระบบเป็นแบบน้ำพุ่งด้วยระบบน้ำพุ่ง ปลูกกล้วยไร่ละ400ต้น รวมทั้งหมด 8,000ต้น ผ่านไป 6 เดือน ได้สร้างความชื่นใจกับเจ้าของไร่เมื่อกล้วยเริ่มมีหัวปลีและออกลูก

การปลูกกล้วยเขียวคาเวนดิชคุณภาพในช่วง 6 เดือนแรกที่เริ่มออกเครือที่ขนาดหวีและลูกเริ่มโตจะต้องดูแลไม่ให้แมลงรบกวน ช่วงตัดปลีกล้วยจะทำการคัดคัดและตัด จาก 1 เครือมี 11 หวีให้เหลือ 7-8 หวี เพื่อให้ลูกกล้วยได้มาตรฐาน ไม่แย่งอาหารกัน จากนั้นหุ้มด้วยพลาสติก อีก 50 วันพร้อมตัดขาย จากการคำนวณผลผลิตรุ่นแรก 8,000 ต้น ให้ผลผลิตต้นละ 20 ก.ก. หรือประมาณไร่ละ 8-10 ตัน ราคาตกลงก.ก.ละ 12 บาท หรือไม่ต่ำกว่า 6 หมื่นบาท/ไร่ เมื่อคำนวณยอดขายที่ยังไม่หักค่าใช้จ่ายจะได้ถึง1.4ล้านบาท โดยการตัดกล้วยเกรดส่งออกจะตัดไม่แก่จัดให้ลูกคงความเป็นเหลี่ยม

รัตนภรณ์ บอกว่า ได้ลงทุนซื้อต้นกล้ากล้วยมาปลูก และเมื่อปลูกรุ่นแรกเมื่อโตและแทงหน่อก็ใช้หน่อจากต้นเดิมไปขยายปลูกหมุนเวียนไปเรื่อยโดยใช้หลักวิชาวิชาหลักเศรษฐศาสตร์ที่เรียนมาผสมผสานกับความเป็นท้องถิ่น จึงทำให้แปลงปลูกกล้วยหอมเขียว เป็นงานชิ้นแรก ท่ามกลางกระแสของคำว่า “บ้าไปแล้ว”จนทำให้เกิดความมุ่งมั่นทำให้ดีที่สุด และเลือกที่จ้างแรงงานในหมู่บ้าน เพื่อให้มีการเปลี่ยนทัศนคติ ในการทำเกษตรรูปแบบใหม่ หรือเกษตรทางเลือก และเชื่อว่าการผันตัวเองเป็นเกษตรกรไม่ได้คิดผิด แต่กลับมีความสุข ที่ได้อยู่ดูแลพ่อแม่.

ข่าวโดย : บุญพิมพ์ ใบยา

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

บุญพิมพ์ ใบยา

บุญพิมพ์ ใบยา

ผู้สื่อข่าวพิเศษ ช่อง 9 อสทม.สำนักข่าวไทย ,เนชั่น,workpoint tv ช่อง 23 ประจำจังหวัดอุตรดิตถ์