พ่อค้าหนุ่มขายรองเท้าโทรแจ้ง 191 กุเรื่องถูกชิงทรัพย์ในปั๊มตำรวจวุ่นสอบเครียดกว่า 10 ชั่วโมงความแตกร้องไห้โฮอ้างทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการแต่งเรื่องหลอกภรรยาสุดท้ายถูกดำเนินคดีแจ้งความเท็จ
เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 8 พ.ย.62 ร.ต.อ.ศุภฤกษ์ อัศวภูมิ รอง สว.สอบสวน สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุชิงทรัพย์ ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท.ริมถนนกาญจนาภิเษก ขาเข้า ติดกับห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ต.บางรักพัฒนาอ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สิริภพ อนุศิริ ผกก.พ.ต.ท.วรทัศน์ วัฒนะชัยนันท์ รอง ผกก. พ.ต.ท.ณัฐยุทธ์ แก้วปาน สว.สส. เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ข่าวน่าสนใจ:
เมื่อไปถึงพบนายทัตติ สิทธรถศักดิ์ อายุ 40 ปี อาชีพค้าขาย ผู้เสียหายเป็นชาว จ.นนทบุรี อยู่ในที่เกิดเหตุด้วยอาการตื่นตระหนกตกใจ จากการสอบถามนายทัตติ ได้เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เวลาประมาณ 04.00 น. ตนได้ขับรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมาสด้า สีขาว ทะเบียน 3กง 9127 กทม. ออกจากบ้านพักเพื่อที่จะไปขายของ (รองเท้าสุภาพสตรี) ที่ตลาดพระราม 4 ตามปกติ ต่อมาเวลาประมาณ 04.30 น. ตนได้แวะเติมน้ำมันที่ปั๊มดังกล่าว ซึ่งก่อนที่จะเติมน้ำมัน ตนได้เดินเข้าไปซื้อสินค้าที่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊ม จากนั้นได้เดินไปเข้าห้องน้ำ โดยเข้าที่ห้องน้ำชายห้องแรกติดกับทางเข้า หลังจากทำธุระเสร็จ ตนได้เปิดประตูเพื่อจะเดินออกมา ทันใดนั้นมีชายรูปร่างสูงใหญ่ (คนร้าย) ผลักประตูเข้ามาและได้ต่อยเข้าที่ใบหน้าของตนทันที 2-3 ครั้ง และพยายามกระชากเอาสร้อยคอทองคำที่คอของตน ซึ่งตนได้ต่อสู้และพยายามขัดขืนแล้ว แต่คนร้ายได้ชักอาวุธมีดปลายแหลม ความยาวประมาณ 20 ซม. ออกมาจี้ที่คอของตนพร้อมกับพูดว่า “มึงเงียบ” เมื่อได้สร้อยคอแล้ว คนร้ายได้พยายามกระชากเอาสร้อยข้อมือทองคำ ที่ตนใส่อยู่อีกเส้น แต่กระชากไปไม่ได้ ด้วยความกลัวว่าจะถูกทำร้าย ตนจึงยอมถอดสร้อยข้อมือให้คนร้ายไป เมื่อคนร้ายได้ทรัพย์สินไปแล้ว คนร้ายก็ได้พูดว่า “ไอ้สัส มึงอยู่นี่ก่อนนะ” แล้วคนร้ายก็ได้รีบวิ่งหนีออกไป ตอนนั้นตนได้ยืนรออยู่ในห้องน้ำประมาณ 1 นาที จึงเดินออกมา เพื่อดูว่าคนร้ายหลบหนีไปทางใด แต่ไม่พบคนร้ายแล้ว จึงไม่ทราบว่าคนร้ายมากี่คนและหลบหนีไปทางทิศทางใด หลังจากนั้นตนจึงได้เดินไปสอบถามชาวบ้านที่จอดรถอยู่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อว่าเห็นคนร้ายหรือไม่ แต่ไม่มีผู้ใดเห็นเหตุการณ์ ตนจึงได้โทรศัพท์แจ้งเหตุไปที่เบอร์ 191 และต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.บางบัวทอง เดินทางมาพบที่ปั๊มน้ำมันดังกล่าว ตนจึงได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟัง และได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งความร้องทุกข์ให้ติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.บางบัวทอง ได้ลงพื้นที่เเละตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่อยู่ในปั๊มอย่างละเอียดทุกตัว ปรากฎว่า ไม่พบเหตุการณ์ตามที่นายทัตติฯ ผู้เสียหายได้เเจ้งความร้องทุกข์แต่อย่างใด จึงทำการสอบสวนนายทัตติฯอย่างละเอียดอีกครั้ง จนกระทั่งเวลาผ่านไปนานกว่า 10 ชั่วโมง นายทัตติฯ จึงรับสารภาพว่าตนกุเรื่องขึ้นมาทั้งหมด และนำสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท เลสข้อมือทองคำหนัก 2 บาท ไปขายที่ร้านทองแห่งหนึ่งในตลาดบางบัวทอง ได้เงินสดมาจำนวน 80,350 บาท ส่วนพระเลี่ยมทองนายทัตติฯได้นำไปซุกซ่อนไว้ที่รถยนต์กระบะ
ทางด้าน พ.ต.อ.สิริภพ อนุศิริ ผกก.สภ.บางบัวทอง กล่าวว่า ได้รับเเจ้งเหตุชิงทรัพย์ที่ปั๊มน้ำมันเเห่งหนึ่ง จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบ และนำตัวนายทัตติฯไปตรวจหาร่องรอยการถูกทำร้ายตามที่กล่าวอ้างที่โรงพยาบาลซึ่งไม่พบบาดแผลแต่อย่างใด จึงนำตัวนายทัตติฯมาสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง ซึ่งนายทัตติฯท่าทางมีพิรุธอย่างเห็นได้ชัด และให้การวกไป วนมาตลอด โดยใช้เวลาในการสอบสวนนานกว่า 10 ชั่วโมง จากผู้เสียหายจึงกลายเป็นผู้ต้องหา โดยนายทัตติฯให้การรับสารภาพว่าสาเหตุที่ทำแบบนี้ก็เพราะทะเลาะกับภรรยา และอยากพักผ่อน ไม่อยากไปขายของ จึงกุเรื่องว่าตนเองถูกชิงทรัพย์ และได้นำทองรูปพรรณที่มีอยู่ไปขายที่ร้านทอง เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสภ.บางบัวทอง ได้เเจ้งข้อหา เเจ้งความเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 6,000 บาท”หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: