X

นนทบุรี นายก อบจ.โต้ หลังมีข่าวว่าหมอ-บุคลากร ขอย้ายกลับสังกัดกระทรวงสาธารณสุข

นายก อบจ.โต้ หลังมีข่าวว่าหมอ-บุคลากร ขอย้ายกลับสังกัดกระทรวงสาธารณสุข หลังมีการถ่ายโอน รพ.สต.

ที่สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย นายเลอพงศ์ ลิ้มรัตน์ ประธานอนุกรรมการบริหารภารกิจถ่ายโอนฯ นายกิตติชัย เอ่งฉ้วน รองเลขาธิการสมาคม ร่วมกันแถลงข่าว กรณีที่นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวงและประธานคณะอนุกรรมการMIU วิชาการและติดตามประเมินผลถ่ายโอนภารกิจสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา นวมินท ราชินี (สอน.)/โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพต าบล (รพ.สต.)

นายบุญชู จันทร์สุวรรณ นายกสมาคมกล่าวว่า นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนและปรากฏเป็นข่าว ทางสื่อในแขนงต่างๆ โดยได้กล่าวถึง การติดตามประเมินผลหลังการถ่ายโอนภารกิจ สอน./รพ. สต. ให้แก่ อบจ. ตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม 2566 และ พบว่า บุคลากรกว่า 40% ที่โอนย้ายไปมีความ ต้องการขอย้ายกลับคืนสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เนื่องจากเหตุผล 5 ประการ ดังที่ได้มีข่าว ออกไปนั้นสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย ในฐานะที่เป็นตัวแทนองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดทั่วประเทศ ขอชี้แจงและทำความเข้าใจในกรณีดังกล่าวว่า ตามที่ นพ.รุ่งเรือง ได้กล่าวถึงว่า บุคลากรกว่า 40% ที่โอนย้ายไปมีความต้องการขอ ย้ายกลับคืนสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ขอให้ระบุมาให้ชัดเจนว่ามีที่มาของข้อมูลที่สามารถพิสูจน์ได้หรือไม่ว่าบุคลากรกว่า 40% ที่กล่าวถึงนั้นคือใคร มีจังหวัดไหนบ้าง เพราะการถ่ายโอนบุคลากรจาก รพ.สต.มาสังกัด อบจ.ในปี 2566 นั้นมีถึง 20,000 กว่าคน ดังนั้นการที่ท่านบอกว่าจะขอโอนกลับ กระทรวงสาธารณสุข ถึง 40 % แสดงว่ามีบุคลากรที่อยากโอนกลับไม่ต่ำกว่า 5,000 คน ซึ่งจากการที่ทาง สมาคมได้สอบถามไปยัง อบจ.ทั่วประเทศแล้วได้รับข้อมูลมาว่ายังไม่มีจังหวัดใหนที่มีบุคลากรขอโอนกลับ หรือจะมีบ้างก็ประเภทที่มีความขัดแย้งกันในรพ.สต.มาขอย้ายสลับไปอยู่ที่อื่น และส่วนใหญ่ก็จะมาทวง ถามกันว่าเมื่อไหร่จะเปิดให้มีการประเมินเพื่อขึ้นระดับชำนาญการพิเศษมากกว่า

นายบุญชู กล่าวว่า จึงขอให้ นพ.รุ่งเรือง ระบุมาให้ชัดว่าเอาข้อมูลมาจากใหน มีตัวตนจริงหรือไม่ เพราะท่านเป็นถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในกระทรวง ออกมาให้ข่าวลอยๆ แบบ Discredit  อบจ.อย่างนี้ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อ อบจ.ทั่วประเทศ

นายบุญชู กล่าวว่า การที่ท่านระบุว่า อบจ.ไม่มีความพร้อมในการรับการถ่ายโอน นั้น ขอเรียนว่า ก่อนที่จะมีการถ่ายโอน 49 อบจ.ที่รับถ่ายโอน ได้ผ่านการประเมินความพร้อมจากคณะอนุกรรมการบริหารภารกิจถ่ายโอนฯ สำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีการให้คะแนนตามเกณฑ์ชี้วัดในด้านต่างๆ อย่างชัดเจน อีกทั้งได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการกระจายอำนาจฯ ซึ่งมีนายวิษณุ เครืองาม  รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และการถ่ายโอนจริงเพิ่งจะเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2565 ซึ่งมี ระยะเวลาที่ อบจ.ได้เข้าไปดำเนินการบริหาร รพ.สต.เพียง 3 เดือน ถือว่าเป็นระยะเวลาที่สั้นมากถ้าเทียบกับ รพ.สต.ที่อยู่กับกระทรวงสาธารณสุขมาเกือบ 100 ปี ดังนั้นการที่ท่านมาด่วนสรุปในทำนองว่า อบจ. ล้มเหลว ในการรับถ่ายโอน ต้องถามว่าเป็นธรรมกับ อบจ.หรือไม่หรือท่านมีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝงอยู่

นายบุญชู กล่าวว่า อยากให้ท่านกลับไปอ่านทบทวน ประกาศคณะกรรมการกระจายอำนาจฯ ซึ่งลงนามโดย นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการการกระจายอำนาจฯ ซึ่งได้ลง ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 และมีผลบังคับใช้ตามกฎหมาย โดยประกาศ ฉบับนี้ได้ระบุให้ส่วนราชการต่างๆโดยเฉพาะกระทรวงสาธารณสุข จะต้องดำเนินการสนับสนุนการถ่ายโอน ในฐานะพี่เลี้ยงในหลายเรื่อง อยากให้ท่านได้ไปทบทวนดูว่าข้อใหนได้ทำแล้วบ้าง โดยเฉพาะการแก้ไข ระเบียบ ต่างๆเพื่อเอื้อให้สามารถปฏิบัติได้ในช่วงแรกของการถ่ายโอน ซึ่งในบทเฉพาะกาลก็ได้ระบุว่า ภารกิจใดที่ยังไม่ได้มีการแก้ไขระเบียบหรืออยู่ในระหว่างดำเนินการก็ให้ถือปฏิบัติตามเดิมไปก่อนจนกว่าจะ มีการแก้ไขระเบียบมารองรับ แต่กระทรวงสาธารณสุข ไม่ปฏิบัติตาม เช่นกรณีเงินค้างท่อของ สป.สช.ซึ่ง เป็นผลงานของ  รพ.สต. ที่ดำเนินการในช่วงโควิด 18 หรือเงิน HICI ซึ่งขณะนี้ได้มีการโอนไปที่โรงพยาบาลแม่ข่าย หรือ CUP แต่ไม่ยอมโอนต่อไปยัง รพ.สต.ที่ถ่ายโอน โดยอ้างว่าระเบียบเงินบำรุงของกระทรวงสาธารณสุขไม่ให้ โอนนอกสังกัด ทำให้ขณะนี้มีเงินก้อนนี้ค้างท่ออยู่เฉยๆ โรงพยาบาลก็ใช้ไม่ได้เพราะเป็นเงิน รพ.สต. ในขณะ ที่ รพ.สต.ก็ไม่ได้ใช้เพราะโรงพยาบาลไม่โอนมาให้ ซึ่งทั่วประเทศคาดว่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยทางผู้แทนสมาคม อบจ.ได้สอบถามทางกระทรวงสาธารณสุขไปหลายครั้งแล้วแต่ยังเงียบ ไม่มีวี่แววของการแก้ไขปัญหา ทั้งๆที่ประกาศคณะกรรมการกระจายอำนาจฯ ได้เปิดช่องไว้ให้แล้วก็ไม่ยอมดำเนินการ หรือ แม้แต่เรื่องการเลื่อนขั้นเงินเดือนของบุคลากร

นายเลอพงศ์ ลิ้มรัตน์ ประธานอนุกรรมการบริหารภารกิจถ่ายโอนฯ กล่าวว่า หลังการถ่ายโอน อบจ.ต้องจ่ายเงินเดือนให้กับบุคลากรที่ถ่ายโอนในอัตราของเดือนตุลาคม 2565 เพราะไม่ได้รับบัญชีเลื่อนขั้นเงินเดือน ในปี 2565 จากทางกระทรวง สาธารณสุข และเพิ่งจะได้มาเมื่อเดือนธันวาคม นี้เอง หรือแม้แต่เรื่องพัสดุและทรัพย์สินขณะนี้อบจ.ก็ยัง ไม่ได้รับโอนจากทางกรมธนารักษ์ เพราะการส่งมอบคืนจาก สสจ.ล่าช้า ไม่มีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า จนทำให้ขณะนี้หลาย อบจ.ไม่สามารถยื่นคำของบประมาณเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ ในระบบ BBL ปี 2567 จากสำนักงบประมาณได้ หรือเรื่องของเงินรายหัวหรือเงิน UC ที่ สป.สช.ให้ไปตกลงกันเองในระดับพื้นที่จนถึง ขณะนี้หลายจังหวัดก็ยังตกลงกันไม่ได้เพราะทางฝั่งสาธารณสุข ไม่ยอมรับเงื่อนไข จึงยังไม่ได้รับเงินส่วนนี้ เข้ามาบริหาร ใน 3 เดือนที่ผ่านมาหลังการถ่ายโอน รพ.สต.ที่ถ่ายโอน ได้รับเพียงเงินเดือนของข้าราชการ และเงินอุดหนุน S/M/L เพียง 50 เปอร์เซ็นต์ อย่างเช่น รพ.สต.ขนาด S ก็จะมีเงินบริหารเพียง 200,000 บาทเท่านั้น ซึ่งทาง อบจ.ก็ต้องใช้งบประมาณของ อบจ.เข้าไปช่วยสนับสนุน นอกจากนั้นยังมีปัญหาอื่นๆ อีกหลายประการ

ดังนั้น จึงอยากจะฝากไปทาง นพ.รุ่งเรือง ว่าท่านควรจะประเมินหน่วยงานของท่าน ด้วยว่าได้ดำเนินการสนับสนุนการถ่ายโอนภารกิจครั้งนี้มากน้อยแค่ไหน

นายกิตติชัย เอ่งฉ้วน รองเลขาธิการสมาคม กล่าวว่า สมาคม อบจ.ยอมรับว่า การรับถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต.เป็นเรื่องใหม่ที่ อบจ.ไม่เคยทำมาก่อนและการดำเนินงานในด้านต่างๆ อาจจะยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ในทุกมิติ และเราพร้อมที่จะร่วมมือกับ ทุกภาคส่วนที่จะมาช่วยชี้แนะหรือร่วมกันพัฒนางานในด้านต่างๆเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนผู้ มาใช้บริการ และพร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะจากทางกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้มากที่สุด แต่จะต้องเป็นไปในลักษณะของการให้ คำแนะนำถ้อยทีถ้อยอาศัย มีข้อมูล หลักการและเหตุผลประกอบที่ชัดเจน มีเจตนาบริสุทธิ์ ไม่ใช่เป็นการออกมาด้อยค่าโจมตี บิดเบือนโดยไม่มีข้อมูลหลักฐาน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย ในนามของผู้แทนของ 49 อบจ.ที่รับถ่ายโอน และผู้บริหารของแต่ละ อบจ.ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชนและในฐานะผู้รับใช้ประชาชน ขอให้คำยืนยันว่า อบจ.ได้ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่และเต็มความสามารถ ภายใต้เงื่อนไขและอำนาจหน้าที่ ที่ อบจ.จะสามารถดำเนินการได้ อันแสดงให้เห็นถึงความจริงจังและจริงใจในการดำเนินภารกิจฯ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนในพื้นที่

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน