วอนช่วยคุณยายเร่ร่อน หลังถูกโกงจนหมดตัวโดยอาศัยนอนตามปั๊ม ศาลาที่พักโดยสาร เจ้าตัวเผยตีสนิทพูดจาดีจึงหลงเชื่อ
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กโฟสต์เรื่องราวของยายเร่ร่อน เดินตะเวนเก็บของเก่าตามข้างทาง “น่าสงสารแกนะ (ยายเทียมใจมองหล่อ) โดนโกงจนตอนนี้แกต้องเร่ร่อนนอนตามปั๊ม ผมเห็นแกเดินทั้งวัน ถ.ภูมิเวท ซอยโลตัส ตลาดปากเกร็ด…..ใครเจอยายก็แบ่งปันอาหาร+น้ำให้แกบ้างนะครับ “(ตอนนี้แกนั่งพักอยู่ที่ศาลาวัดสนามเหนือ)
ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ตะเวนตามหายายเทียมใจ ตามข้อมูลที่ได้จากเฟซบุ๊ก ปรากฎว่าไม่พบยายเดินหรือนั่งพักอยู่บริเวณดังกล่าว ทีมข่าวได้ข้อมูลมาว่ายายเทียมใจ จะต้องกลับมานอนที่ปั๊มก๊าซใกล้ห้าแยกปากเกร็ด จึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่าตรงจุดที่ยายเทียมใจ นอนจะเป็นโต๊ะมานั่งอยู่ทางเข้าห้องน้ำ สิ่งที่สังเกตและยืนยันคือถุงใส่ของวางอยู่ที่พื้นใต้ม้านั่ง แต่ไม่พบตัวยายเทียมใจ ซึ่งข้อมูลบอกว่าแกจะมานอนในช่วงเวลาประมาณ 19.00 น.
ทีมข่าวได้พบกับนายปาณสิน ขาวผ่อง อายุ 64 ปี เจ้าของร้านอาหารในปั๊ม ให้ข้อมูลว่า ตั้งแต่ตนเปิดร้านมาได้ประมาณ 5 เดือน ก็เห็นยายเทียมใจ มานอนอยู่ที่นี่แล้ว ตนก็จะคอยเอาข้าว น้ำเอาแกกิน สอบถามแกบอกว่าเป็นคนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อก่อนแกมีคอนโดอยู่ที่ปากเกร็ด แล้วประมาณว่าถูกเพื่อนหรือญาติโกงไป จนทำให้แกเกิดอาการเครียด แกมานอนตรงนี้ก็ไม่เคยไปทำร้ายหรือด่าใคร แต่บางเวลาแกก็จะคล้ายควบคุมตัวเองไม่ได้ จะพูดคนเดียวแล้วก็บ่นด่าไปเรื่อย ซึ่งคนที่อยู่ตรงนี้จะทราบดี สังเกตการพูดคุยแกน่าจะเป็นคนมีความรู้ หลังแกกินข้าวเสร็จแกก็จะล้างจานนำมาคืนที่ร้าน บางครั้งสั่งให้แกปิดน้ำที่ก๊อกแกก็ปิดไม่เคยโวยวาย ตนคิดว่าอาการของแกน่าจะรักษาหายเพราะจะขึ้นเป็นช่วงๆ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาตัวแกไปรักษา
นายชิติพัทธ์ วงศ์จิตเชียง อายุ 50 ปี จยย.รับจ้างวินเจซี เจ้าของที่โฟสต์เรื่องราวยายเทียมใจ ให้ข้อมูลว่า เมื่อวานเห็นแกไปนั่งที่ศาลาหน้าวัดสนามเหนือ ด้านถนนสุขประชาสรรค์ 1 ต.ปากเกร็ด ตนได้ไปสอบถามแก ซึ่งแกบอกว่าถูกโกงน่าจะเป็นญาติ เพราะเมื่อก่อนแกมีคอนโดอยู่แถวปากเกร็ด แล้วถูกเขาโกงไป ทุกวันแกจะเดินไปตามถนนติวานนท์จากปากเกร็ดไปจนถึงแยกแคราย บางวันก็จะเดินไปตามถนนภูมิเวท ออกทางวัดสนามเหนือ โดยแกไม่ได้เดินหาเก็บของเก่า แต่เดินไปตามถนนทุกวันแล้วตอนเย็นก็จะกลับมานอนที่ปั๊มก๊าซตามเดิม
ล่าสุดกระทั่งเวลา 19.00 น.ผู้สื่อข่าวได้นั่งรอที่ปั๊มก๊าซ และพบกับยายเทียม ที่เดินหิ้วข้าวของเข้ามา โดยยายเทียมใจเผยว่าก่อนหน้านี้ตนเคยทำงานอยู่ที่ กสท.แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นแคทเทเลคอม หลังเออรี่ออกมา 1 เมษายน 47 ยายเทียมใจอ้างว่าตอนที่ทำงานได้ซื้อคอนโดมิเนียมไว้ 2 แห่ง ที่ปากเกร็ดกับที่รังสิต ต่อมาได้มีหญิงสาวที่มีอาชีพเป็นเซลขายตรงสินค้ายี่ห้อหนึ่งแบรนด์จากต่างประเทศ มาหลอกตีสนิทจนไว้เนื้อเชื่อใจ แล้วหญิงสาวคนดังกล่าวก็ได้เอ่ยปากขอยืมเงินจำนวน 200,000 บาทเพื่อไปทำร้านอาหาร ยายมาใจอ่อนให้เงินเพราะเขามารดน้ำอวยพรวันสงกรานต์ แล้วรับปากจะดูแลยาย ต่อมาได้มาขอยืมเงินอีก 3-4 แสน แต่ยายบอกไม่มี เขาจึงบอกให้ยายเอากรมธรรณ์ประกันชีวิตของยายไปถอนเบี้ยประกันออกมา ยายไม่ให้แต่เขาแอบไปปลอมลายเซ็นเบิกเงินไป 150,000 บาทส่วนคอนโดที่รังสิตก็แอบเอาไปขายเหมือนกัน ยายให้ทนายจัดการทวงทรัพย์สินเขาก็รับปากจะโอนให้เดือนละ 3,000 บาท ได้รับเงินไม่กี่เดือนก็เงียบหายไปเลย
ยายเทียมใจ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตนไม่มีครอบครัว ทุกวันนี้ไม่อยากไปรบกวนหลาน อาศัยนอนอยู่ตามบ้านเพื่อน แต่เกรงใจเขาก็เลยออกมานอนข้างนอก โดยอาศัยนอนไปทั่วมืดที่ไหนก็นอนที่นั่น บางวันก็มีคนซื้อข้าวให้กิน บางครั้งเขาก็ให้เงิน ยายก็เก็บไว้ใช้จ่าย ทุกวันที่ออกเดินไปตามถนนยายไม่ได้ออกไปเก็บของเก่าขาย แต่เดินไปนั่งเล่น
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามยายเทียมใจ ว่าถ้ามีหน่วยงานเข้ามาดูแลเอาไปอยู่ที่บ้านพักจะไปไหม ยายเทียมใจรีบตอบปฎิเสธทันทีว่าไม่อยากไปอยู่ เพราะว่าถ้าไปอยู่แล้วจะออกไปไหนไม่ได้ ตนไม่ชอบอยู่กับที่
