คนป่าไม้กลับลำแฉสิ้นขบวนการลำเลียงไม้เถื่อนลงเรือส่งขายจีน

เชียงราย-ชี้ชัดเป็นขบวนการใหญ่ เตรียมสอบเส้นทางเชื่อมโยงทางการขนส่งไม้ เส้นทางการเงิน ไม่เว้นแม้แต่โรงเลื่อยต้นทาง ขจัดขบวนการเหลือบมอดไม้ ให้สิ้นซาก

วันที่ 4 มี.ค.61 ที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 เชียงราย ว่าที่ ร.ต.วรัท ดุลยธำรง นิติกรชำนาญการ สำนักกฎหมาย กรมป่าไม้ ได้ เข้าร่วมประชุมลับกับนายสมศักดิ์ เจียวสงวนวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ ๒ (เชียงราย) และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกรณีมีการจับกุมไม้ซุงและไม้แปรรูปผิดกฎหมายที่เตรียมนำส่งลงเรือไปขายยังประเทศจีน ในเขตพื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย โดยเชื่อว่ามีการกระทำกันในลักษณะเป็นขบวนการใหญ่ มีกลุ่มคนมีสี และเจ้าหน้าที่ของกรมป่าไม้เองมีส่วนเกี่ยวข้อง ภายหลังจากตำรวจ สภ.เชียงแสน ได้ทำการจับรถบรรทุก 10 ล้อ 2 คัน บรรทุกท่อนซุงไม้ประดู่ 20 ท่อน และไม้แปรรูปจำนวนหนึ่งได้ระหว่างทางขณะลำเลียงส่งลงเรือเตรียมไปขายยังประเทศจีน และได้ทำการสอบสวนคนขับรถที่ให้การว่าได้บรรทุกไม้ดังกล่าวออกจากหน่วยป้องกันรักษาป่าไม้ที่ ชร.4 และจากนั้นวันรุ่งขึ้น นายวัชระ ศักดิ์เจริญ เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญการ หน่วยป้องกันรักษาป่าไม้ที่ ชร.4 (หาดไคร้) ก็ได้เข้าทำการตรวจยึดไม้ประดู่แปรรูปจำนวน 111 แผ่น/เหลี่ยม ที่กองอยู่ภายในสำนักงานรักษาป่าไม้ที่ ชร.4 โดยอ้างว่ามีคนนำมาลงไว้กลางดึกโดยไม่รู้ว่าเป็นใครนำมาทิ้งไว้ภายหลังเส็จสิ้นการประชุม โดยได้เรียกตัว นายวัชระ ศักดิ์เจริญ ที่เป็นหัวหน้าหน่วยรับผิดชอบพื้นที่ของทางราชการ ซึ่งได้ถูกตั้งกรรมการสอบฐานมีส่วนพัวพันกับกลุ่มขบวนการนี้ และมีคำสั่งด่วนให้ย้ายมาช่วยราชการ ที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 เชียงราย เข้ามาสอบสวนเพิ่มเติม จากนั้นได้เรียกตัวนายสันติ วิเวกริน พนักงานราชการเจ้าหน้าที่ตรวจป่า และนายจรัญ ไชยจินดา ลูกจ้างประจำหน่วยป้องกันรักษาป่าไม้ที่ ชร.4 ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน 2 พยานปากเอกซึ่งในขณะที่เกิดเหตุมีการลำเลียงไม้ผิดกฏหมายมากองไว้ในหน่วย ทั้ง 2 คนก็ได้ปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในหน่วยและพบเห็นพฤติรรมทั้งหมด เพื่อสอบสวนขยายผลหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมนายสันติ วิเวกกริน ซึ่งวันนี้ได้กลับคำให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีเป็นอย่างมาก ได้เปิดเผยถึงพฤติกรรมขณะเกิดเหตุ โดยกล่าวว่าเมื่อคืนวันที่ 24 มิถุนายน 2561 เวลาประมาณ 22.00 น.ขณะที่ตนเองปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ภายในหน่วยฯ เพียงลำพังได้รับโทรศัพท์จากนายคำดี อินทะวงศ์ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นพนักงานหน่วยป้องกันรักษาป่าไม้ ชร.4 ว่าในช่วงดึกของคืนนี้จะมีคนนำมาไม้มากองไว้ในหน่วย และได้อ้างว่าได้แจ้งกับหัวหน้าวัชระ ทราบแล้ว ต่อมาเวลา 03.00 น.ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ 1 คน ได้ขับรถนำหน้ารถบรรทุก 10 ล้อซึ่งบรรทุกไม้ประดู่แปรรูป จำนวน 111 แผ่น/เหลี่ยม เข้ามาและได้นำมาลงกองไว้ที่ภายในหน่วย โดยมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ของหน่วยอีก 2 นาย รวมทั้งนายคำดี ซึ่งได้ขับรถเข้ามาดูแลการขนย้ายไม้ลงจากรถมากองในหน่วยจนเสร็จสิ้นเรียบร้อย ทุกคนจึงกลับออกไป
ส่วนนายจรัญ ให้การว่าตนเอง ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยนายวัชระ ขณะนำหนังสือราชการไปให้นายวัชระ เซ็นต์ที่ภายในหน่วย ได้เห็นนายวัชระ ถือหนังสือที่นายสันติ แจ้งว่ามีคนเอาไม้มากองไม้ที่สำนักงานฯ ตนจึงได้บอกว่าหัวหน้าควรจะรีบไปดู แต่ปรากฏว่านายวัชระ กลับนิ่งเฉย สักพักก็ได้อ้างว่ามีคนมาแจ้งเหตุไฟไหม้ป่าที่ อ.เชียงของ จะต้องรีบไปควบคุมการดับไฟด้วยตนเอง และไม่ได้ให้ความสนใจรีบไปตรวจสอบตามที่ตนได้กล่าวเตือนแม้แต่น้อยจากคำให้การของนายจรัญ และการออกมาเปิดเผยของนายสันติ ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่ามีกลุ่มนายทุน ร่วมกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และกลุ่มคนมีสี ร่วมกระทำการลักลอบขนไม้ผิดกฎหมายลำเลียงลงเรือนำส่งออกขายไปยังประเทศจีน ซึ่งลักษณะเป็นการกระทำที่เป็นขบวนการใหญ่ มิฉะนั้นจะไม่สามารถกระทำได้สำเร็จ ก่อนที่จะออกคำสั่งให้มีการติดตามสอบสวนโรงเลื่อยที่แปรรูปไม้ ซึ่งในข้อมูลเชิงลึกที่มีอยู่ทราบว่าตั้งอยู่ในแถบพื้นที่ทางภาคกลาง โดยมีข้าราชการหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้อง ตั้งแต่การลักลอบตัดไม้ รวมถึงการลำเลียงผ่านเส้นทางก่อนส่งลงเรือไปขายยังประเทศจีนแบบครบวงจร ซึ่งทางกรมป่าไม้ กำลังสรุปเรื่องราวทั้งหมดเพื่อส่งไปที่ ป.ป.ง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินของกลุ่มนายทุน โรงเลื่อยที่แปรรูปไม้ รวมทั้งแจ้ง ป.ป.ป.ให้ตรวจสอบการทุจิตและประพฤติมิชอบของข้าราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และ ตำรวจ ป.ท.ส.ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทั่วราชอาณาจักร เข้ามาร่วมสอบสวนกลุ่มผู้ร่วมขบวนการ เพื่อดำเนินเอาผิดการตามกฏหมาย และดำเนินการปราบปรามขบวนการมอดไม้กลุ่มนี้ให้สิ้นซาก

ข่าวโดย: เพทาย บ้านชี