ไม้ฉาวเชียงแสนพ่นพิษ!!รองอธิบดีลงพื้นที่สอบพบพิรุธเพียบ สั่งย้ายหัวหน้าหน่วยป่าไม้เชียงแสน พร้อมเอาผิดกับผู้เกี่ยวข้อง

เชียงราย-ป่าไม้เต้นผาง ตั้งคณะกรรมการลงพื้นที่สอบสวนหาความจริงกรณีตำรวจ สภ.เชียงแสน ตรวจยึดไม้หวงห้ามขณะขนออกจากหน่วย ป้องกันป่าไม้ ชร.4 ต.บ้านแซว อ.เชียงแสน ยิ่งสอบยิ่งพบพิรุธ สั่งย้ายผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทันที พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนเอาผิดทางวินัยและอาญา และเอาผิดผู้กระทำผิดทั้งหมดในครั้งนี้

กรณีเมื่อวันที่ 25 มี.ค.2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เชียงแสน จ.เชียงราย ได้ทำการตรวจยึดไม้ซุงที่แยกบายพาส หน้าคุ้มขนาบโขง บนถนนสายบ้านสบคำ-เชียงแสน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ที่คนขับอ้างว่าได้ขนออกมาจากหน่วยป้องกันรักษาป่าไม้ที่ ชร. 4 (หาดไคร้) อย่างถูกต้องตามกฏหมาย แต่เมื่อตรวจสอบปรากฏไม่มีรอยดวงตราประทับของเจ้าหน้าที่  รวมทั้งเอกสารการเคลื่อนย้ายไม้ และเอกสารหลักฐานการครอบครอง จึงได้ทำการตรวจยึดไม้ดังกล่าวไว้เป็นของกลาง และควบคุมตัวผู้ขับขี่ทั้ง 2 ดำเนินคดีต่อมาทราบว่าหน่วยป้องกันรักษาป่าไม้ที่ ชร. 4 (หาดไคร้) ได้ทำการตรวจยึดไม้ประดู่แปรรูป หน้ากว้าง 12-20 นิ้ว หนา ประมาณ 6 นิ้ว ยาวประมาณ 2 เมตรครึ่ง จำนวน 111 แผ่น มูลค่านับ 10 ล้านบาท ได้ภายในหน่วยป้องกันรักษาป่าไม้ที่รับผิดชอบของตนเอง ในลักษณะแก้เกี้ยวที่ถูกตำรวจตรวจยึดไม้ไปก่อนหน้านี้ ต่อมาเมื่อข่าวดังกล่าวปรากฏออกมาทางสื่อ กรมป่าไม้ ได้มีคำสั่งให้ว่าที่ ร้อยตรี วรัท ตุลยธำรง นิติกรชำนาญการ สำนักกฎหมาย กรมป่าไม้ ลงพื้นที่ตรวจสอบหาความจริง และรายงานให้หน่วยเหนือทราบ

ในช่วงเช้าวันนี้ (วันที่ 3 เมษายน 2561) นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงรายด้วยตนเอง พร้อมด้วยนายชีวะภาพ ชีวะธรรม ผอ.สำนักป้องกันรักษาป่าไม้ และนายจุมพฏ ชอบธรรม ผอ.สำนักกฎหมาย กรมป่าไม้ และได้เรียกตัวนายวัชร ศักดิ์เจริญ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าไม้ที่ ชร. 4 (หาดไคร้) พร้อมเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าให้ปากคำที่สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 เชียงรายจากนั้นเวลา 15.00 น.ได้เดินทางไปยังอำเภอเชียงแสน สอบสวนนายคำดี อินทะวงศ์ พนักงานพิทักษ์ป่าไม้ ชร. 4 ได้ให้การว่าตนเองได้เป็นพนังงานพิทักษ์ป่า ชร.4 หาดไคร้มาเป็นเวลา 9 ปี ในขนาดเวลา 03.00น.วันที่ 25 มี.ค. 2561 ได้มีนายยาว ซึ่งเป็นคนรู้จักกันได้โทรศัพท์ติดต่อขอนำไม้ประดู่แปรรูป ขนาดหน้ากว้าง 12-20 นิ้ว หนาประมาณ 6 นิ้ว ยาวประมาณ 2 เมตรครึ่ง จำนวน 111 แผ่น ที่บรรทุกมากับรถสิบล้อมาลงพักไว้ที่หน่วยป้องกันรักษาป่าไม้ ชร. 4 โดยนายยาว จะนำหลักฐานเอกสารมาแสดงให้ภายหลัง ตนจึงยอมให้นำไม้ดังกล่าวมาพักไว้ตามที่ร้องขอแต่เมื่อคณะกรรมการได้พูดคุยขอตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ที่นายยาวได้โทรศัพท์เข้ามาในวันที่เกิดเหตุ นายคำดี ได้อ้างว่าลืมโทรศัพท์ไว้ที่บ้าน เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้จึงได้พาตัวนายคำดีไปส่งที่บ้าน เพื่อนำโทรศัพท์มาเช็คการติดต่อ หลังจากลงรถเข้าไปในบ้าน นายคำดี ได้หายไปนานผิดสังเกต จึงโทรศัพท์เรียกตัว นายคำดี ให้ออกมาแต่กลับอ้างว่าไม่อยากกลับไปสอบสวนปากคำ เนื่องจากมีผู้สื่อข่าวคอยทำข่าวและเก็บภาพอยู่หลายคน เกรงว่าเป็นข่าวไปอาจได้รับอันตรายเนื่องจากเป็นคนในพื้นที่เชียงแสน จึงขอนัดสอบปากนายคำดี ตามลำพังในสถานที่ไม่มีผู้สื่อข่าวภายหลังการสอบสวนผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีป่าไม้ ได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกกับผู้สื่อข่าวโดยมีเหตุผลเชื่อว่าในเรื่องดังกล่าว ว่าน่าเชื่อว่าเป็นการกระทำความผิดในลักษณะเป็นขบวนการ มีการขนย้ายไม้ผิดกฎหมายจากนอกพื้นที่ นำมาพักเก็บไว้ในที่ปลอดภัยเพื่อนำลงเรือส่งไปขายยังประเทศจีนที่มีความต้องการไม้จากประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และทางการข่าวยังพบคนมีสีหลายคนเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะหากไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขนไม้ทั้งถูกต้องและไม้เถื่อนลงเรือไปได้อย่างแน่นอนและจากการตรวจสอบไม้ท่อนซุงประดู่ จำนวน 11 ท่อน จาก 20 ท่อนก็พบว่าเป็นไม้ไม่ถูกต้อง จากการสังเกตุร่องรอยเชื่อได้ว่าเป็นไม้ที่ถูกโค่นออกมาจากในป่า ในส่วนของไม้ประดู่แปรรูปจำนวน 111 ท่อน ทางเจ้าของยังไม้ได้นำหลักฐานที่ถูกต้องมาแสดง รวมทั้งเอกสารการแปรรูปจากโรงเลื่อยมาแสดง และหากพบว่ามีการนำเอกสารหลักฐานเท็จมาแสดง ก็จะเอาผิดกับเจ้าของไม้และโรงเลื่อยอีกด้วย นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ ดำเนินคดีกับ นายคำดี อินทะวงศ์ และนายเอกชัย ลิ้มประเสริฐ ที่แสดงตนเป็นเจ้าของไม้ประดู่ จำนวน 11 ท่อน และไม้ประดู่แปรรูป 9.37ลูกบาศเมตร จำนวน 111 แผ่น มีครอบครองไว้เกิน 0.2ลูกบาศเมตร ที่เชื่อว่าเป็นไม้ผิดกฏหมาย  และทางรองอธิบดีกรมป่าไม้ออกคำสั่งย้ายนายวัชร ศักดิ์เจริญ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าไม้ที่ ชร. 4 (หาดไคร้) รวมทั้งเจ้าหน้าที่ และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาประจำที่สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 2 เชียงราย ภายใน 24 ชั่วโมง เร่งสอบสวนเชิงลึกเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งทางวินัยและอาญา รวมทั้งกลุ่มขบวนการคนมีสี และผู้ที่เกี่ยวข้องและมีเอี่ยวในการกระทำความผิด