เชียงราย-นายก อบต.แม่สลองนอก ยอมติดคุกห้ามสร้างรีสอร์ทไม่ได้ ปล่อยให้รีสอร์ท โรงแรมผิดกฎหมายผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดเต็มดอยแม่สลอง
จากกรณีนายประจญ ปรัชญสกุล ผวจ.เชียงราย ได้สั่งให้สปก.กอ.รมน.เชียงราย ประสาน ตำรวจ ปทส.ขึ้นทำการตรวจสอบรีสอร์ท โรงแรม บุกรุกป่าก่อสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก อบต.แม่สลองนอก อย่างผิดกฎหมาย บนดอยแม่สลอง ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จำนวน 33 แห่ง และกำลังก่อสร้างใหม่ 5 แห่ง เป็นวันที่ 2 โดยมีช่างรังวัดจากสำนักงาน สปก.เชียงราย จำนวน 7 คน เข้าตรวจสอบพื้นที่สร้างรีสอร์ท และโรงแรมตลอดริมถนนเส้นทางสายหลักกลางดอยแม่สลอง ซึ่งได้ประกาศเป็นพื้นที่ สปก.ตั้งแต่ ปี 2537 แต่ไม่สามารถรังวัดได้ เนื่องจากผิดเงื่อนไขของ สปก.ให้ใช้พื้นที่ทำการเกษตรและที่อยู่อาศัยเท่านั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบปล่อยละเลยไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหา คงปล่อยให้มีการลุกลามก่อสร้างรีสอร์ท โรงแรมใหญ่โต เพิ่มขึ้นจนปัจจุบันเต็มดอยแม่สลองนั้น
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 31 ม.ค.63 นายสมบูรณ์ มาเยอะ นายก อบต.แม่สลองนอก กล่าวว่า การก่อสร้างทั้งหมดผิดกฎหมาย แต่ได้พูดคุยและเตือนผู้ก่อสร้างแล้วแต่ไม่มีใครฟัง หากตนจะติดคุกเพราะเรื่องการละเลย ละเว้นต่อหน้าที่ตนก็ยอมรับ แต่การก่อสร้างโรงแรมไม่ใช่เป็นการบุกรุกป่า เนื่องจากประกาศเป็นเขตปฎิรูปที่ดินตั้งแต่ปี 2537 ระบุให้ทำการเกษตรเท่านั้น หากราชการไม่ให้รุกที่ ตนขอถามว่า ทำไมราชการจึงให้สร้าง อบต.ขึ้นในที่ป่า ทำให้อนุญาตการก่อสร้างไม่ได้ เพราะไม่มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดิน 
ชุมชนทำเกษตรไม่พอกิน จึงต้องสร้างรีสอร์ท โรงแรมเป็นแหล่งท่องเที่ยว ตนก็มีความเห็นว่าพื้นที่ป่าไม่ควรให้บุกรุก แต่นี่เป็นที่ชุมชนแล้ว การแก้ปัญหาที่ดินจึงเป็นเรื่องของ ป่าไม้ และ สปก.ไม่ใช่หน้าที่ของ อบต.แม่สลองนอก ผู้อาศัยในชุมชนดอยแม่สลอง ยังคงมีความคิดว่า กองทัพไทยได้ยกที่ดินให้จีนคณะชาติแล้ว จึงไม่ให้ความร่วมมือในการรังวัดที่ดิน สปก.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บก.ทหารสูงสุด ได้อนุญาตให้ผู้อพยพกองพล 93 ใช้ที่ดินทำการเกษตรเป็นการชั่วคราวและห้ามซื้อขาย รายละ 15 ไร่ มีระยะเวลากำหนด ไม่ได้ให้ที่ดินเป็นการถาวร และกองทัพไทยได้ส่งคืนพื้นที่เหล่านี้ให้กับกรมป่าไม้ตั้งแต่ปี 2553 ต่อมา ปี 2554 สปก.เชียงราย เข้าทำการรังวัดพื้นที่มอบเอกสารสิทธิแก่เกษตรกรไปกว่า 11,000 ราย คงเหลือพื้นที่สร้างโรงแรม รีสอร์ท ที่ผิดเงื่อนไขของ สปก.คงปล่อยละเลยไม่มีการดำเนินการใด ๆ มานับสิบปี ทำให้มีการขายที่ดินเปลี่ยนมือกันเป็นทอด ๆ หลายแห่งขายให้ต่างด้าว บางแห่งเป็นนอมินีให้ต่างชาติ และเร่งก่อสร้างโรงแรม รีสอร์ท เพิ่มขึ้นเป็นดอกเห็ด ไม่เป็นระเบียบแบบแผน ไม่มีผังเมือง ไม่มีวิศวกรรับรองการก่อสร้าง ไม่ได้ขออนุญาตการก่อสร้าง โดย อบต.ก็ไม่กล้าออกใบอนุญาต เพราะเป็นที่ป่า แต่มีการเก็บภาษีโรงเรือนรีสอร์ท โรงแรม ต่าง ๆ จะเข้าข่ายรู้เห็นเป็นใจกับผู้กระทำผิดรุกป่าหรือไม่ และผู้ออกใบอนุญาตโรงแรมให้ 10 แห่ง ทั้งที่รู้ว่าตั้งอยู่ในที่ป่า ไม่มีใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร จะถูก ปปช.สอบสวนหรือไม่ (ผู้สื่อข่าวจะติดตามข่าวมาเสนอต่อไป)
