พังงา-สะเทือนทั้งเมือง…สูญหายนับสิบล้านบาทเหยื่อแชร์และออมเงินออนไลน์บุกร้องศูนย์ดำรงธรรม หลังเท้าแชร์ปิดบ้านหนี
เมื่อเวลา13.00 น.วันที่ 4 ตุลาคม 2564 ที่ศาลากลางจังหวัดพังงา มีกลุ่มบุคคลกว่า 20 คนหอบหลักฐานเข้าร้องเรียนต่อนายนิรมิตร ถิรสัตยวงศ์ ผู้อำนวยการกลุ่มงานศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพังงา ว่าถูกนางสาวพัชราภรณ์ กรดแก้ว หรือชื่อในเฟซบุ๊ก ก.ไก่ อินเทรน ชาวจังหวัดพังงา เป็นเท้าแชร์และออมเงินออนไลน์ ผ่านโปรแกรมสนทนา Messenger จำนวนหลายวงแชร์และหลายกลุ่มออมเงิน กลุ่มออมทอง ซึ่งเสนอผลตอบแทนราคาสูง ทำให้มีคนหลงเชื่อเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก ซึ่งล่าสุดได้หยุดจ่ายเงินให้สมาชิกกลุ่มต่างๆ เมื่อช่วงก่อนสิ้นเดือนที่ผ่านมา พร้อมกับตัดการติดต่อ ทำให้สร้างความเสียหายให้ประชาชนในจังหวัดพังงาและอีกหลายจังหวัดหลายสิบล้านบาท มีผู้เสียหายหลายคนได้ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพังงา และวันนี้ได้รวมตัวกันมาร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพังงา เพื่อช่วยเร่งรัดให้มีการออกหมายจับและดำเนินคดีพร้อมกับยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องไว้ก่อน พร้อมกับเดินทางไปขอความช่วยเหลือจากสำนักงานอัยการจังหวัดพังงาและไปแจ้งความที่สภ.เมืองพังงาเพิ่มเติม ขณะที่บางรายก็จ้างทนายความฟ้องร้องด้วยตนเองแล้ว
นส.อรุณี (สงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี ชาวอำเภออ่าวลึก จ.กระบี่ เปิดเผยว่า ร่วมเล่นแชร์และออมเงินมาประมาณ 7 เดือน ทั้งแชร์แบบบิดดอกและกลุ่มออมเงิน โดยการออมเงินจะได้ค่าตอบแทน โดยออมเงิน 100,000 บาทจะได้ดอกเบี้ย 1,000 บาทต่อวัน และแบบออม 100,000 บาทได้ดอกเบี้ยอาทิตย์ละ 3,500 บาท สำหรับตนเองได้รับเสียหายประมาณ 600,000 บาท คาดว่าความเสียหายครั้งรวมหลายสิบล้านบาท เมื่อวานยังสามารถติดต่อได้ เขาบอกว่าเขาไม่มีจ่าย บอกว่าหมดแล้ว ไม่มีจ่าย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ติดตามตัวนำเงินมาคืนให้ประชาชน
ข่าวน่าสนใจ:
ด้าน นส.ดวงใจ เพ่งกิจ อายุ 40 ปี ชาวจังหวัดกระบี่แต่ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ เล่าว่า สำหรับตนเองนั้นเบื้องต้นเสียหายมากกว่า 1 ล้านบาท จริง ๆ แล้วท้าวแชร์คนนี้เป็นญาติสนิทของตนเอง และเคยบอกว่าถ้ามีปัญหาจะชดใช้ทุกบาททุกสตางค์ จึงไม่คิดว่าจะโดนโกงเพราะเห็นน้องเขามีโปรไฟล์ดี สร้างบ้านหลังใหญ่ให้แม่ ซื้อรถเบนซ์ป้ายแดง ตอนนี้ทุกคนที่เสียหายได้สงสารเหยื่อรายหนึ่งที่ลงทุนไปประมาณ 90,000 บาท และต้องการเงินนี้มารักษาลูกที่พิการและรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเงินนี้เป็นเงินก้อนสุดท้ายของเขา สำหรับความเสียหายทั้งคาดว่ามีมากกว่า 30 ล้านบาท จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีออกหมายจับอายัดทรัพย์สินไว้ก่อนจะถูกถ่ายเท
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่าก่อนหน้านี้มีคดีความโกงแชร์และออมเงินออนไลน์ มาแล้วในปี 2561 มีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีการดำเนินคดีจนศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 2 ผู้ต้องหา 25 ปี และ 20 ปี และล่าสุดในชั้นอุทธรณ์ผู้ต้องหารายหนึ่งไม่มาฟังคำพิพากษา ซึ่งศาลได้ออกหมายจับติดตามจับกุมตัวอยู่ ขณะที่ท้าวแชร์รายนี้ก่อนหน้านี้เคยก่อเหตุทำร้ายร่างกายลูกแชร์มาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2563 และล่าสุดทางผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อท้าวแชร์รายนี้ทางโทรศัพท์หมายเลขที่กลุ่มผู้เสียหายใช้ติดต่อเพื่อจะขอคำชี้แจงในเรื่องนี้ พบว่าโทรติดมีสัญญานแต่ไม่มีผู้รับสายแต่อย่างใด
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: