X
นวัธเตาะเจริญสุข

นวัธไม่รอด !! ศาลมีคำตัดสินประหารชีวิต

ศาลชั้นต้นพิพากษาประหารชีวิต “นวัธ เตาะเจริญสุข” ส.ส.เพื่อไทย เขต 7 ขอนแก่น หลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีจ้างวานฆ่า อดีตปลัด อบจ.ขอนแก่น เมื่อ 6 ปีก่อน

นวัธเตาะเจริญสุข

วันนี้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 จ.ขอนแก่น นายนวัธ เตาะเจริญสุข สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคเพื่อไทย เขต 7 จังหวัดขอนแก่น ได้เดินทางมาตามนัดศาลจังหวัดขอนแก่น คดีดำเลขที่ อ.929/61 โดยมีอัยการจังหวัดขอนแก่นเป็นผู้ฟ้อง เพื่อรับฟังคำพิพากษา เรื่อง จ้างวานฆ่านายสุชาติ โคตรทุม อดีตปลัด อบจ.ขอนแก่น  หลังจากก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ประกันตัวนายนวัธไป โดยเมื่อนายนวัธเดินทางมาถึงได้เดินไปบนห้องพิจารณาคดีบัลลังก์ที่ 7 ทันที จากนั้นศาลได้เริ่มอ่านคำตัดสินในเวลาประมาณ 09.00 น. ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ก่อนที่จะมีคำตัดสินในศาลชั้นต้นให้ลงโทษประหารชีวิตนายนวัธ เตาะเจริญสุข

พล.ต.ต.ไพโรจน์ กุจิรพันธ์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 กล่าวว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่  3 พ.ค. 56 ซึ่งขณะนั้นตนเองดำรงตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ สถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น โดยก่อนหน้าที่จะออกหมายจับนายนวัธ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายกลุ่มมือปืนทั้งหมด ซึ่งได้รับสารภาพว่า นายนวัธเป็นผู้จ้างวานฆ่านายสุชาติ โคตรทุม กระทั่งศาลจังหวัดขอนแก่น ลงวันที่ 3 เมษายน 2561 ได้ออกหมายจับนายนวัธ เตาะเจริญสุข อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 8 ขอนแก่น (ในขณะนั้น) ในข้อหากระทำความผิดฐานจ้างวานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

และในวันนี้ศาลชั้นต้นได้อ่านคำพิพากษาโดยลงโทษประหารชีวิตนายนวัธ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน รวมทั้งให้ชดใช้ค่าปลงศพ และค่าเลี้ยงดูบุตรของอดีตปลัด อบจ.ขอนแก่น เนื่องจากมีหลักฐานสำคัญต่างๆ ทั้งพยานบุคคลคือผู้ต้องหาที่ก่อเหตุทั้ง 4 คนที่รับสารภาพก่อนหน้านี้ รวมทั้งหลักฐานการโทรศัพท์ระหว่างนายนวัธกับผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุ และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ จึงได้มีคำตัดสินออกมาในวันนี้

หลังรับฟังคำตัดสิน นางสาวธิติยา โคตรทุม วัย 29 ปี บุตรสาวอดีตปลัด อบจ.ขอนแก่น ซึ่งเดินทางมาร่วมรับฟังคำพิพากษาพร้อมมารดาคือ นางลำดวน โคตรทุม และข้าราชการในสังกัด อบจ.ขอนแก่น ได้กล่าวสั้นๆ ว่า จำเลยมีสีหน้าสลดหลังรับฟังคำพิพากษา ก่อนจะเดินทางกลับโดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ขณะที่มีรายงานว่า ขณะนี้นายนวัธอยู่ระหว่างการยื่นเรื่องขอประกันตัวจากศาล และกำลังปรึกษากับทีมทนายความเรื่องการยื่นอุธรณ์ ภายในระยะเวลา 30 วัน

สำหรับคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุ จำนวน 4 คน ประกอบด้วย ดาบตำรวจ วีระศักดิ์ ชำนาญผล จำเลยที่ 1   พันตำรวจโทสมจิตร แก้วพรม รอง ผกก.(ป) สภ.หนองเรือ จำเลยที่ 2   นายประพันธ์ ศรีพิลัย จำเลยที่ 3   นายบุญช่วย จูงกลาง จำเลยที่ 4 และ นายปิยะพงษ์ มีกำบัง จำเลยที่ 5  และเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2559 ศาลอุทธรณ์ ภาค 4 ได้พิพากษาตัดสินประหารชีวิตจำเลยที่ 2 คือ พันตำรวจโทสมจิตร แก้วพรม  ส่วนผู้ต้องหาอีก 4 คน ศาลได้ตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิต ซึ่งเป็นการพิพากษาแก้จากศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2557

โดยคำพิพากษาระบุว่า พ.ต.ท.สมจิตร แก้วพรม จำเลยที่ 2 และ นายประพันธ์ ศรีวิลัย จำเลยที่ 3 มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยมิได้ไตร่ตรองไว้ก่อน ด้วยเหตุแห่งพฤติกรรมมีการลงไปพูดคุยและผลักผู้ตายเข้าไปในรถ ประกอบกับรถที่จอดขวางผู้ตายมิใช่ลักษณะเตรียมพร้อมจะหลบหนี จึงไม่น่าเป็นเรื่องที่ตั้งใจทำ เพราะถ้าเช่นนั้นก็ต้องมีการยิง แต่มีการพูดคุย มีการทำร้ายร่างกายแล้วจึงลงมือยิง จึงพิพากษาจำเลยที่ 2 และ 3 มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่น จึงให้จำคุกตลอดชีวิต

แต่จำเลยที่ 3 ให้การเป็นประโยชน์เป็นเหตุให้บรรเทาโทษ 1 ใน 4 รวมกับความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน จึงให้จำคุกจำเลยที่ 2 ตลอดชีวิตสถานเดียว  จำเลยที่ 3 รวมโทษจำคุก 37 ปี 14 เดือน 30 วัน ส่วนจำเลยที่ 1 ที่ 4 และ ที่ 5 ซึ่งให้การปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง และพยานหลักฐานไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยที่ 3 ล่วงรู้มาก่อนว่าจำเลยที่ 2 และ 3 จะมาฆ่าผู้ตาย จึงให้ยกฟ้อง และจากนั้นจำเลยที่ 2 และ 3 ได้มีการอุทธรณ์คดีเช่นเดียวกับฝ่ายผู้เสียหาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ทีมข่าว77ขอนแก่น

ทีมข่าว77ขอนแก่น

ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดขอนแก่น