มิติใหม่ในการคุมประพฤติ ผู้ต้องหาคดีเมาแล้วขับช่วงสงกรานต์ถูกศาลสั่งจำกัดบริเวณด้วยกำไล EM ลดปัญหาเรือนจำแออัด สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี
วันนี้ที่สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกูล ผู้ว่าราชาการจังหวัดขอนแก่น เข้าเยี่ยมชมการทำงานของเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ ในการติดตั้งเครื่องอิเล็กทรอนิกส์ มอนิเตอร์ริ่ง หรือ EM ที่ใช้ติดตามตัวผู้ที่ถูกคุมประพฤติ จากเหตุถูกศาลสั่งให้จำกัดบริเวณตามเวลาที่กำหนด โดยมีผู้ถูกคุมประพฤติ “เมาแล้วขับในช่วงเทศกาลสงกรานต์” มากถึง 358 ราย และถูกสั่งให้ใส่กำไลข้อมือ EM จำนวน 193 ราย
ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า กำไลข้อมือติดตามตัว “อิเล็กทรอนิกส์ มอนิเตอร์ริ่ง” หรือ EM ระบบใหม่นี้ สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดขอนแก่น เริ่มใช้งานมาแล้วระยะหนึ่งซึ่งมีดาวเทียมจำนวนกว่า 8 ดวง ควบคุมระบบ มั่นใจได้ในประสิทธิภาพการทำงาน ส่วนใหญ่ผู้ที่ถูกคุมประพฤตินั้น จะถูกศาลสั่งเช่นวันนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ถูกคุมประพฤติจากคดีเมาแล้วขับขี่รถ ซึ่งตามกฎหมายแล้วจะมีโทษจำคุกที่รอลงอาญา
เมื่อศาลสั่งให้สำนักงานคุมประพฤติดูแลพร้อมติดเครื่อง EM ผู้ที่ถูกคุมประพฤติต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด เช่นผู้ที่ถูกคุมประพฤติเมาแล้วขับถูกศาลสั่งให้ใส่เครื่อง EM โดยมีเวลา 22.00 – 04.00 น ต้องอยู่ภายในบริเวณบ้าน และออกนอกรั้วบ้านได้ไม่เกิน 15-20 เมตร หากเกินกำหนดเครื่องนี้จะแจ้งเตือนมาที่เจ้าหน้าที่ทันที และหากผู้ถูกคุมประพฤติคนใดพยายามที่จะถอดเครื่องหรือทำลาย เครื่องก็จะส่งสัญญาณมายังเจ้าหน้าที่เช่นกัน พร้อมกับจะถูกเพิ่มโทษในคดีทำลายทรัพย์สินราชการ พร้อมกับยกเลิกการคุมประพฤติ เพื่อส่งเรื่องคืนให้ศาลและอาจจะถูกศาลสั่งจำคุกทันทีก็เป็นได้
ข้อดีของการใช้กำไลข้อมือ EM เนื่องด้วยกระบวนการยุติธรรมไทยเผชิญปัญหาหลายด้าน ได้แก่การเข้าถึงกระบวนการยุติธรรม ปริมาณผู้ต้องขังในเรือนจำมีจำนวนมากจนเกิดความแออัด และเกิดปัญหาคุณภาพชีวิต นอกจากนี้การลงโทษจำคุกในความผิดเล็กน้อยที่นำไปสู่การพัฒนาการกระทำผิดของผู้ต้องโทษในเรือนจำ และยังมีปัญหาขาดมาตรการป้องกันสังคม กรณีผู้ต้องขังที่ได้รับการพักการลงโทษหรือได้รับการลดวันต้องโทษ หรือกรณีผู้กระทำผิดตามพระราชบัญญัติจราจร ฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
