ตำรวจคุมตัว”ปิติ”มือฆ่าทนาย ทำแผน ชนิดแปลกแหวกแนวชี้จุดเกิดเหตุบนรถตู้ไม่นำตัวลงจากรถ ญาติตะโกนด่ากราดลั่นไล่หลังรถตู้ที่อ้างมีผู้ต้องหาและดูแลดั่งไข่ในหิน ส่วน “นิติพนธ์” คนรับงาน ไม่ได้นำตัวมาตำรวจยังคุมตัวเค้นสอบเครียดก่อนคุมตัวฝากขังศาลอาญา
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรภาค 2 สนธิกำลังร่วมกับตำรวจกองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) เปิดปฏิบัติการบุกจับ นายปิติ และ นายนิติพนธ์ หรือแบน ฉ่ำชื่น ผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุบุกยิงนายมานพ ทนายความชื่อดัง อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 จ.ระยอง พรรคไทยรักษาชาติ และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย ภายในปั๊มน้ำมัน อ.บ้านค่าย จ.ระยอง จนเสียชีวิต ก่อนนำตัวมาสอบปากคำยังกองบังคับการปราบปราม เพื่อพิสูจน์ทราบชนวนเหตุการลงมือ รวมถึงขยายผลถึงผู้อยู่เบื้องหลัง หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
เวลา 15.30 น.วันที่ 31 สิงหาคม 2565 ที่ ปั๊มน้ำมัน พล.ต.ต. วรา เวชชาภินันท์ ผบก.ภ.จว.ระยอง พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองปราบปราม ควบคุมตัวนายปิติ มาทำแผน ซึ่งมีฝนฟ้าคะนอง ตลอดเวลา โดยมีบรรดาญาติพี่น้อง และประชาชน มาเฝ้ารอดูการทำแผนท่ามกลางสายฝน กว่า 200 คนเมื่อรถตู้ที่นำผู้ต้องหามาจอด ใกล้จุดเกิดเหตุ ที่ใช้อาวุธปืนยิงนายมานพ ตำรวจขอให้บรรดาญาติสนิทถอยห่างและเข้าไปอยู่ภายในห้องกระจก มีกำลังเจ้าหน้าที่จากหน่วยสายฟ้าชุดสืบสวน สภ.เมืองระยอง และชุดสายสืบ ตำรวจกองปราบปราม หลายสิบนาย ป้องกันการบุกเข้าทำร้ายผู้ต้องหา เวลาผ่านไปนานกว่าครึ่งชั่วโมงก็ไม่นำตัวลงจากรถตู้ แต่ขับออกไปจากปั๊ม โดยให้เหตุผลว่า ผู้ต้องหาขอชี้จุดบนรถตู้ จากนั้น ญาติที่ต่างเฝ้ารอเห็นหน้ามือปืนเป็นเวลานาน เกิดความโมโหได้ตะโกนด่าและขว้างขวดน้ำข้าวของใส่ตามรถตู้ด้วยความโกรธแค้น
ต่อมาตำรวจได้พา ผู้ต้องหานั่งรถตู้คันเดิม ไปยังจุดทิ้งรถ ในที่ดินรกร้างริมคลองกระพุน ตำบลหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย ห่างจากจุดเกิดเหตุ 4 กม โดยไม่นำตัวผู้ต้องหาลงจากรถตู้ แม้กระทั่งจุดที่ผู้ต้องหา ขึ้นรถยนต์เก๋งที่มาจอดรอรับ ก็ไม่นำตัวผู้ต้องหาลงมาโดยให้ชี้จุดที่บนรถตู้ ก่อนจะเสร็จสิ้นการทำแผน ประกอบคำรับสารภาพที่สุดแปลกประหลาด เพราะไม่มีใครได้ยลโฉมหน้าคนร้าย ไม่เห็นแม้แต่เงา และไม่มีใครให้สัมภาษณ์
