สงขลา – สะเดา เกษตรกรในอำเภอสะเดา ปลูกสละอินโด แซมในสวนยางพารา และรอบๆบริเวณบ้านกว่า 400 ต้น ผสมกับการเลี้ยงผึ้ง สร้างรายได้เพิ่มให้กับครอบครัวทุกวันสละอินโดเป็นผลไม้ ซึ่งเป็นพืชท้องถิ่นของประเทศอินโดนีเซีย สำหรับในประเทศไทย มีเกษตรกรนำเข้ามาปลูกนานหลายปีแล้ว ซึ่งเริ่มในจังหวัดทางภาคใต้ก่อน เพราะมีอากาศชื้นและฝนตกชุก คล้ายกับภูมิประเทศของอินโดนีเซีย ต่อมาได้เริ่มขยายพื้นที่ปลูกไปหลายจังหวัด เช่น จังหวัดในภาคตะวันออก และจังหวัดภาคกลางบางจังหวัด เนื่องจากสละอินโดเป็นผลไม้ ที่มีผู้นิยมรับประทาน เนื่องจากมีรสชาติหอม หวาน และกรอบ ถูกปากคนไทย จึงมีผู้นิยมปลูกมากขึ้นนายอิบรอเอน บิลยะแม อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 53 / 10 ม.1 ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นเกษตรอีกรายหนึ่ง ที่สนใจปลูกสละอินโด โดยปลูกแซมในสวนยางพารา เพื่อเป็นการเสริมรายได้ให้กับครอบครัว หลังจากที่ราคายางพาราไม่เฟื่องฟู เหมือนหลายปีก่อน ซึ่งพบว่าการปลูกสละอินโด ไม่จำเป็นต้องใช้การดูแลอะไรมากนัก จึงได้ปลูกเพิ่มเติมในเนื้อที่ บริเวณข้างๆบ้าน อีกกว่า 100 ต้น ซึ่งเป็นการปลูกแซมสวนต้นมังคุด และได้เลี้ยงผึ้งผสมผสานไปด้วย“ สละอินโดที่ปลูกเป็นพันธุ์สายน้ำผึ้ง ปลูกประมาณ 4 ปี ก็จะเริ่มให้ผลผลิต โดยการดูแลในช่วงแรกๆ ต้องหมั่นให้น้ำอาทิตย์ละ 2 ครั้ง พอต้นสละโตขึ้นจนมีดอกออกมา ช่วงนั้นต้องช่วยผสมเกสร โดยต้องเคาะเอาเกสรดอกตัวผู้ มาใส่ดอกตัวเมียที่กำลังบานเต็มที่ ซึ่งดอกตัวเมียจะมีอายุ หรือบานประมาณ 3 วัน ช่วงนั้นเราต้องรีบผสม สละอินโดถึงจะติดผล ซึ่งใช้เวลาประมาณ 6 เดือน ก็จะเก็บเกี่ยวผลได้ ”การดูแลในช่วงที่เริ่มติดผลเล็กๆ ก็ใส่ปุ๋ยสูตร 13 –13- 21 หรือ 15-15-15 บ้างเล็กน้อย เพิ่มจากการใส่ปุ๋ยคอก เพื่อเป็นการบำรุงต้น ผล นอกจากนั้นก็ตัดแต่งกิ่ง และในช่วงที่ผลเริ่มโตขึ้นต้องคอยดูไม่ให้ทะลายลูกสละ ซึ่งมีน้ำหนักมากถึงพื้นดิน หรือโน้มจนเกินไป เพราะอาจทำให้ช่อทะลายหักได้ หรืออาจเกิดเป็นเชื้อราหากอยู่ที่พื้น โดยต้องใช้เชือกผูกพยุงเอาไว้ สำหรับศัตรูของสละอินโดที่พบก็มีหนอนเจาะผล และโรคเชื้อรา หากมีฝนตกชุกมาก ซึ่งแก้ไขโดยใช้ยาหรือสารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ในการดูแลรักษาเพราะในสวนยังมีการเลี้ยงผึ้ง ซึ่งเลี้ยงให้หากินตามธรรมชาติ อาศัยน้ำหวานจากเกสรดอกสละอีก และจากการที่ดอกสละอินโดบานไม่พร้อมกัน จึงทำให้ผลผลิตออกมาไม่พร้อมกันด้วย จึงสามารถเก็บขายได้ทุกวัน โดยจะนำไปขายที่ตลาดเทศบาลเมืองสะเดาในช่วงเช้า ราคากิโลกรัมละ 80 บาท และก็มีลูกค้าบางรายที่สั่งซื้อ ไปเป็นของฝาก ส่วนน้ำผึ้งขายขวดละ 600 บาท ซึ่งสามารถทำรายได้เสริม ให้กับครอบครัวได้เป็นอย่างดี
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ข่าวน่าสนใจ:
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: