ขึ้นป้ายสาปแช่งเศรษฐีคนยิงเสือดำให้เป็นโรคมะเร็งตายช้าๆ

พิษณุโลก บุญ  ชาติพาณิชย์ นักธุรกิจอดีตเจ้าของโรงแรมดัง ผู้นำช่างเร่ร่อนมาเลี้ยงที่พิษณุโลก ขึ้นป้ายไวนิลสาปแช่ง ให้เป็นโรคมะเร็งตายทุกคน ริมถนนมิตรภาพ ขาเข้าตัวเมืองพิษณุโลก

10 ก.พ.61 ริมถนนมิตรภาพ ช่วงเข้าตัวเมืองพิษณุโลก ตรงข้ามปับปั้มปตท. ทางเข้าโรงแรมอมรินทร์ลากูน อ.เมืองพิษณุโลก ตั้งแต่ช่วงเย็นวานนี้ 9 ก.พ.61 มีผู้นำป้ายไวนิล มาติดบริเวณนี้ เพื่อประณามสาปแช่ง ผู้เกี่ยวข้องที่เข้าไปล่าสัตว์ ยิงเสือดำที่ทุ่งใหญ่

จากการตรวจสอบการโพสต์ภาพทางโชเชียลพบว่า ผู้ที่นำป้ายมาติด คือ นายบุญ  ชาติพาณิชย์ อดีตเจ้าของโรงแรมทรัพย์ไพรวัล์ แกรนด์ โฮเตล แอนด์ รีสอร์ท ต.แก่งโสภา อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ผู้ที่นำช้างเร่ร่อนจำนวนหลายสิบเชือกมาเลี้ยงไว้ที่โรงแรม จนเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นคู่ จ.พิษณุโลก และบริจาคที่ดินบริเวณใกล้เคียงโรงแรมให้ก่อสร้างโรงพยาบาลจิตเวชพิษณุโลก

ข้อความระบุว่า “ สัตว์ป่าทุกชนิดเกิดในแผ่นดินไทย มีสิทธิอยู่ในป่าไทย เศรษฐีคนนั้นจิตใจต่ำทรามโหดร้ายอำมหิต ฆ่าเสือดำที่สวยสง่างามในป่าและสัตว์อื่นเพื่อพวกมันกิน  เทวาฟ้าดินจะลงโทษ ให้พวกเขาเป็นโรคมะเร็งตายทุกคน ตายช้า ๆ  ไม่ให้หนักแผ่นดิน เขาเอาคนต่างชาติมาร่วมกอบโกยจนร่ำรวย คือคนขายชาติ หนักแผ่นดิน ผมลูกคนจีน คนเลี้ยงช้างในประเทศไทย

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ติดต่อสอบถามไปยัง นายบุญ  ชาติพาณิชย์ อายุ 78 ปี พร้อมเปิดเผยว่า แผ่นป้ายไวนิลดังกล่าวตนเองเป็นผู้นำมาติดไว้ในที่ดินของตนเอง หลังจากได้ติดตามข่าวสารและเหตุการณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้นว่ามีกลุ่มคนเข้าไปล่าสัตว์ป่าคุ้มครองในพื้นที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ป่าไม้จับกุมตัวในที่สุด และพบว่าหนึ่งในนั้นมีเสือดำซึ่งถือว่าเป็นสัตว์ใหญ่ ถูกยิงและจับถลกหนังชำแหละเป็นซากทิ้งไว้เป็นภาพที่น่าสลดหดหู่ใจเป็นอย่างมาก

ตนรู้สึกโกรธมากที่เห็นคนเข้าป่ามาล่าสัตว์ คนเหล่านี้จิตใจโหดเหี้ยมไม่เกรงกลัวต่อบาป เพราะตนเองเป็นคนรักสัตว์และเป็นผู้บุกเบิกเลี้ยงช้างที่เคยเป็นช้างเร่ร่อนมาก่อน จนกระทั่งได้นำช้างไปขึ้นทะเบียนกับทางราชการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ปัจจุบันมีช้างอยู่ในความดูแลมากถึง 14 เชือก ถึงแม้ในอดีตเคยมีเหตุการณ์ถูกช้างที่เลี้ยงเอาไว้ใช้ง่วงฟาด จนกรามหักฟันหลุดต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลถึง 15 วัน แต่ก็ไม่เคยคิดโกรธช้างตัวนั้นแม้แต่น้อย จึงขอฝากไปยังผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้ช่วยดำเนินการแก้ไขปัญหาล่าสัตว์อย่างจริงจังด้วย