ชาวนาโอดครวญรอข้าวทยอยตายเพราะฝนทิ้งช่วงไม่ตกตามฤดูกาลเสี่ยงขาดทุนย่อยยับ จนต้องสอนลูกหลานใหม่ว่าหยุดทำนาเอาเงินไว้ทำอย่างอื่นเสียดีกว่า
เวลา 08.00 น. วันที่ 10 กันยายน 2566 นางประจวบ คงเขียว อายุ 59 ปี มีที่นาจำนวน 16 ไร่ อยู่บริเวณ หมู่ที่ 3 ตำบลหมกแถว อำเภอหนองขาอย่าง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งในขณะนี้ประสบปัญหาฝนทิ้งช่วงไม่ตกตามฤดู ส่งผลไห้ไม่มีน้ำหล่อเลี้ยงต้นข้าวทำให้ต้นข้าวทยอยยืนต้นตาย โดยการลงทุนทำนาครั้งนี้ได้ซื้อพันธ์ข้าวมากว่าหนึ่งหมื่นบาท อีกทั้งค่าปุ๋ยค่ายาบำรุงกว่าห้าพันบาทและก่อนหน้านั้นต้องจ่ายค่ารถไถไปอีกเป็นจำนวนเงิน 9,000 บาท ซึ่งเป็นการลงทุนทำนาที่ไม่คุ้มค่าเลยสำหรับครั้งนี้ เพราะเนื่องจากฝนตกน้อยมากในปีนี้ คงจะทำได้แค่เพียงมองดูต้นข้าวของตัวเองทยอยตายไป ซึ่งนาข้าวของนางประจวบนั้นได้ทำการหว่านมากว่า 2 เดือนแล้วแต่นาข้าวนั้นไม่เจริญเติบโตเลยเสียด้วยซ้ำ
ก่อนหน้านั้น นางประจวบ ได้บอกกับลูกหลานว่ามีนาข้าวเป็นของตัวเองยังไงก็ไม่อดตายอย่างแน่นอนเพราะเป็นอาชีพที่สืบต่อกันมาจากรุ่นตารุ่นยาย แต่พอมายุคนี้ต้องลอนลูกหลานกันใหม่ว่าหากไม่อยากให้เงินจมหรือหายไปก็หยุดทำนาไปชะปล่อยทิ้งไห้นาข้าวรกไปด้วยหญ้าดีกว่า ซึ่งผู้ที่มีนาข้าวในหมู่บ้านนี้ต่างก็เริ่มขายที่นาไปกันเยอะแล้วและนำเงินที่ขายได้นำไปเริ่มลงทุนในอาชีพใหม่ ก็เพราะเนื่องจากสถานการณ์แล้งทวีความรุนแรงมากขึ้นและดูเหมือนจะมากขึ้นแทบทุกปี ส่วนนางประจวบเองนั้นยังคงมีความคิดที่จะขายผืนนาของตัวเหมือนกันแต่ด้วยได้สืบต่อที่นามาจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ก็ยังคงทำนาต่อไปและหากฝืนต่อไปไม่ไหวก็จำเป็นจะต้องขายที่นาหรือปรับเปลี่ยนเป็นสวนหรือเป็นไร่ปลุกพืชอย่างอื่นทดแทนการทำนาข้าวนั่นเอง
ขณะเดียงกันราคาข้าวดูเหมือนจะมีการขยับตัวสูงขึ้นถึงตันละ 11,000 บาท แต่ด้วยนาของนางประจวบ ประสบปัญหาดังกล่าวจึงไม่มีความหวังนำข้าวไปขายเหมือนชาวนาคนอื่นๆในพื้นที่มีน้ำสมบูรณ์และอยากไห้ทางรัฐบาลหันมาแก้ไขเรื่องแล้งและหาแหล่งน้ำไห้ชาวนาอย่างจริงจังก่อนที่จะสายเกินแก้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: