สงขลา – เหยื่อกระสุนเหตุการณ์กลุ่มชายฉกรรจ์ตั้งจุดสกัดตรวจรถต้องสงสัย ในพื้นที่ตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียงพิการครึ่งท่อน สุดช้ำภรรยาหนีจากทิ้งให้อยู่กับลูกอีกสองคน กว่า 3 ปี คดีเงียบสนิท
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายอัสนี เนสะแหละ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/2 หมู่ที่ 7 บ.ทุ่งไม้ด้วน ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา กรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเหตุการณ์ที่ถูกกระสุนปืนของเจ้าหน้าที่เข้าบริเวณกลางหลังตรงหน้าอกด้านซ้าย กระสุนฝังติดกระดูกสันหลัง ส่งผลร่างกายท่อนล่างเป็นอัมพาตไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง
ข่าวน่าสนใจ:
- ททท.เปิดตัวแคมเปญ "สุขท้าลอง 72 สไตล์" 72 เส้นทางเมืองน่าเที่ยว ปลุกกระแสท่องเที่ยวไฮซีซั่น
- สกลนคร เปิดงาน “วันถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ FIELD DAY” มุ่งเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังเฉลี่ยต่อไร่
- สงขลา "เเน่นขนัด"นทท.มาเลย์นับหมื่นผ่านด่านสะเดา วันหยุดยาวฉลองดิวาลี - ฮาโลวีน
- นทท.พร้อมยังเปิดจุดพร้อมรับรวมสุดยอดแหล่งท่องเที่ยวฤดูหนาวส่งท้ายต้อนรับปีใหม่ 68 ที่ชัยภูมิ
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายอัสนีฯบอกว่าย้อนหลังไปเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2561 ในช่วงประมาณบ่ายโมงขณะที่ตนเองขับรถกระบะสี่ประตู ยี่ห้อฟอร์ด สีดำ หมายเลขทะเบียน ขพ 8081 สงขลา กลับจากไปดูไม้ยางพร้อมด้วยน้องชาย และลูกน้องอีกคน ระหว่างทางบริเวณ บ.วังเปลว ม. 8 ต.ปาดังเบซาร์ พบกับกลุ่มชายฉกรรจ์ 3- 4 คน ยืนอยู่กลางถนน
โดย 1 ในนั้นได้ตะโกนให้หยุดรถ พร้อมถืออาวุธปืน ( ชนิดลูกโม่ ) เล็งมาที่ตนเองพร้อมสั่งให้ลงมาจากรถเพื่อตรวจค้นโดยบอกว่าไม่หยุดจะยิง ตนเองเลยหยุดรถพร้อมลดกระจกลงทั้ง 4 บาน เพื่อจะให้ดูว่าไม่มีอะไร แต่ชายดังกล่าวพยายามดึงกุญแจรถและกระชากคอเสื้อ ตนลดเบรกลงทำให้รถเคลื่อนไปข้างหน้า หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด ตนเองคิดว่าจะถูกยิงแน่เลยเหยียบคันเร่งขับหลบหนี แต่ถูกเหล็กสำหรับวางดักล้อรถ จนทำให้รถเสียหลักพลิกตกคู
ขณะที่ตนเองพยายามออกมาจากรถเพื่อวิ่งจะไปขึ้นรถอีกคัน ก็เห็นว่ามีชายถือปืนวิ่งตรงมา และคว้ากระเป๋ากางเกงตนเองไว้ได้และพยายามจับกุมจนตนเองถูกกดคว่ำหน้า จากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด กระสุนโดนตนเอง พร้อมกับได้ยินเสียงพูดเป็นภาษาใต้ “ ตายซะเถอะมึง ” ก่อนที่จะได้รับการช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาล
ทำการรักษาตัวที่ รพ.หาดใหญ่ประมาณ 20 วัน แล้วกลับมาพักฟื้นที่บ้านอีก 6 เดือน หลังจากนั้นไปรักษาต่อในเรือนจำเนื่องจากมีคดีค้างเก่า โดยเพิ่งกลับออกมารักษาตัวที่บ้านอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งมีสภาพร่างกายท่อนล่างไม่สามารถขยับได้ ขาลีบ ไม่มีแรง ต้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง มีเพียงน้องชายและญาติที่ช่วยดูแล อาบน้ำ ป้อนข้าว เปลี่ยนแพมเพิสให้ ส่วนภรรยาหลังจากที่ตนเองประสบเคราะห์ร้ายก็ได้ทิ้งไป
จากวันนั้นถึงวันนี้ในส่วนของคดีความกลับไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด แม้ว่าทางน้องชายและญาติๆได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมจาก พ.ต.อ.พงษ์พันธ์ แสงสง่า ผกก.สภ.ปาดังเบซาร์ ( ในขณะนั้น ) เพื่อให้สอบสวนคดีอย่างโปร่งใสในข้อกล่าวหาร่วมกันพยายามฆ่า เนื่องจากผู้ที่ลงมือเป็นกลุ่มของผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งในพื้นที่ ที่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน
โดยทางตนเองและญาติได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อพนักงานสอบสวนในความผิดฐาน “ ร่วมกันพยายามฆ่าฯ” คดีอาญาที่ ๙๒/๒๕๖๑ ปจว. ข้อ ๓ ลงวันที่ ๑o มีนาคม ๒๕๖๑ แต่จนถึงปัจจุบันกว่า 3 ปี กลับไม่มีความคืบหน้า แม้ทางน้องชายจะเคยทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมหลายที่ ทั้งตำรวจ ศูนย์ดำรงธรรม เป็นต้น มีเพียงหนังสือตอบรับมาเพียงว่ามีการขอขยายระยะเวลาการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไปอีกจากตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาเท่านั้น
“ ตั้งแต่เกิดเหตุรักษาตัวจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีหน่วยงานไหนมาเยี่ยมหรือดูแลเยียวยาใดๆ มีเพียงพี่น้อง ญาติและเพื่อนๆเท่านั้น จึงอยากให้สื่อช่วยนำเสนอออกไป ตนเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าความยุติธรรมมันอยู่ที่ไหน ถึงตอนนี้หมอที่ทำการรักษาบอกว่าตนเองต้องกลายเป็นคนพิการไปจนตาย ไม่มีโอกาสกลับมาเหมือนเดิมได้อีก และกับข่าวก่อนหน้านี้ที่ออกไปว่าเป็นเหตุปืนลั่น อยากถามว่าหากเป็นกรณีปืนลั่นลั่นใส่คน คือไม่ต้องรับผิดชอบเลยใช่ไหม ” นายอัสนีฯบอกทิ้งท้าย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: