ขอนแก่น – พาณิชย์จังหวัดเผยหน้ากากอนามัยในพื้นที่ขาดตลาด 1-2 เดือน เตรียมพบขบวนสินค้าธงฟ้าเริ่มจำหน่ายหน้ากากวันจันทร์นี้ทื่ อ.เมือง ก่อนกระจายให้ครบทุกอำเภอ
เช้าวันนี้ (6 มี.ค.63) นายชัยยะเจตน์ จันทร์อักษร พาณิชย์จังหวัดขอนแก่น ได้ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การจำหน่ายหน้ากากอนามัยในเขตพื้นที่จังหวัดขอนแก่น จากปัจจุบันที่เกิดการระบาดของโรคไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่หรือโรค COVID-19 ซึ่งพบผู้ติดเชื้อกลุ่มแรกในเมืองอู่ฮั่นประเทศจีน และมีการแพร่ระบาดไปยังอีกหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งมีมาตรการรับมืออีกทั้งการประชาสัมพันธ์การป้องกันตนเองในเบื้องต้นเพื่อป้องกันโรค COVID-19
จังหวัดขอนแก่นซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้ามีสนามบินขนาดใหญ่มีผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศเดินทางเข้าออกจำนวนมาก เป็นศูนย์กลางการศึกษาตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาจนถึงระดับอุดมศึกษาหลายแห่ง อีกทั้งมีศูนย์กลางการรักษาพยาบาลของภาครัฐและเอกชน จำนวน 5 แห่ง ซึ่งใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รองรับผู้ป่วยทั้งในและต่างประเทศ เป็นสาเหตุให้มีความต้องการใช้หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการระบาดของโรคจำนวนมาก
สถานการณ์การจำหน่ายหน้ากากอนามัยในเขตพื้นที่ 26 อำเภอของจังหวัดขอนแก่นในขณะนี้ พบว่า
1.ร้านขายยาทั่วไป สินค้าประเภทหน้ากากอนามัยทุกชนิดสินค้าขาดตลาดประมาณ 1-2 เดือน
– หน้ากากอนามัยชนิดเอ็น 95 ปัจจุบันสินค้าไม่มีจำหน่าย
– หน้ากากอนามัยชนิดคาร์บอนสีดำ ปัจจุบันสินค้าไม่มีจำหน่าย
– หน้ากากอนามัยชนิดใยสังเคราะห์ 3 ชั้น สีขาวเขียว ปัจจุบันไม่มีสินค้าจำหน่าย หรือยังไม่มีกำหนดส่งสินค้าจากบริษัทผู้ผลิตหรือตัวแทนจำหน่าย
2.ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าปลีก ค้าส่ง ได้แก่ เซเว่น-อีเลฟเว่น โลตัสเอ็กซ์เพรส มินิบิ๊กซี แฟมิลี่มาร์ท ฯ สินค้าหน้ากากอนามัยทุกชนิดทุกประเภทไม่มีจำหน่าย สินค้าขาดตลาดประมาณ 1-2 เดือน
3. ห้างสรรพสินค้า ร้านยาในห้าง ได้แก่ ร้านยาเพรียว วัตสัน ไม่มีสินค้าจำหน่ายแล้วยังไม่มีกำหนดส่งสินค้าจากสำนักงานใหญ่
4. ร้านค้าธงฟ้าที่ได้รับหน้ากากอนามัยระหว่างวันที่ 11-14 กุมภาพันธ์ 63 จำนวน 10 ร้าน ปริมาณ 12,000 ชิ้น มีการจำหน่ายราคา 4 ชิ้น 10 บาท จำหน่ายหมดแล้วและได้รับจัดสรรเพิ่มเติมจำนวน 2 ร้าน ปริมาณ 2000 ชิ้น จำหน่ายราคา 4 ชิ้น 10 บาท (ชิ้นละ 2.50 บาท) รวมได้รับจัดสรรจำนวน 12 ร้านค้าปริมาณ 14,000 ชิ้น พบว่า การจัดสรรปันส่วนของร้านค้าธงฟ้ายังไม่เพียงพอและอยู่ในพื้นที่ห่างไกลประชาชนส่วนใหญ่ไม่สามารถเดินทางไปซื้อได้ อีกทั้งมีการประชาสัมพันธ์ข่าวในวงกว้าง ทำให้มีประชาชนไปรอต่อแถวซื้อสินค้าจำนวนมาก แม้จะจำกัดปริมาณการซื้อคนละไม่เกิน 4 ชิ้นแล้วก็ตาม ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในพื้นที่
ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม ทางสำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่นได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ออกติดตามสถานการณ์การจำหน่ายหน้ากากอนามัยในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นเป็นประจำทุกวัน ติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิดโดยรายงานไปยังกระทรวงพาณิชย์ได้รับทราบ
สำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่นได้มีหนังสือถึงอธิบดีกรมการค้าภายในขอความอนุเคราะห์ปันส่วนหน้ากากอนามัยจำนวน 100,000 ชิ้น เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดไปยังพื้นที่อื่นๆ อีกทั้งอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งขณะนี้หน้ากากอนามัยขาดแคลนและหาซื้อได้ยากมาก โดยจะใช้สถานที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่นและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่นเป็นจุดจำหน่ายและกระจายหน้ากากอนามัย คาดว่า ขบวนรถธงฟ้าราคาประหยัดจะนำหน้ากากอนามัยและสินค้าจำเป็นในการดำรงชีวิตอื่นๆ มาวางจำหน่ายให้แก่ประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 9 มีนาคมเป็นต้นไป โดยเริ่มที่อำเภอเมืองจังหวัดขอนแก่นจากนั้นจะกระจายไปยังทุกอำเภอเป็นเวลา 30 วัน
ปัจจุบันสำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่นได้รับเรื่องร้องทุกข์ผ่านสายด่วน 1569 เกี่ยวกับการจำหน่ายหน้ากากอนามัยว่า ไม่สามารถหาซื้อหน้ากากอนามัยได้ ร้องเรียนซื้อผ่านระบบออนไลน์แล้วไม่ได้สินค้า ร้องเรียนร้านค้าออนไลน์จำหน่ายราคาสูงเกินสมควร ซึ่งที่ผ่านมา สำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่นสามารถจับกุมผู้จำหน่ายสินค้าเกินราคาทางออนไลน์ได้หนึ่งราย
ด้าน น.ส.นงค์นุช อุดมคำ ผู้อำนวยการกลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า สนง.พาณิชย์ จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการจำหน่ายหน้ากากอนามัยในราคาสมเหตุสมผล ไม่แพงจนเกินไป เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย และหากพบเจอการกักตุนสินค้าหรือจำหน่ายในราคาไม่เป็นธรรม สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1569 หรือที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดขอนแก่น ซึ่งผู้กระทำผิดมีโทษดังนี้
1. ให้ติดป้ายแสดงสินค้าและบริการให้ชัดเจนและเปิดเผย (ไม่ปิดป้ายโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท)
2. ห้ามจำหน่ายสินค้าและบริการควบคุมสูงกว่าราคาที่กำหนด (โทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)
3.ห้ามกักตุนสินค้า หรือปฏิเสธ ประวิง การจำหน่ายสินค้าและบริการควบคุมโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรหรือจงใจทำให้ราคาสูงหรือต่ำเกินสมควร (โทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปีหรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
